รุกกลับทันที! “ปิยบุตร” อนาคตใหม่ ชงตั้งกรรมาธิการ “ป้องกันรัฐประหาร”

พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย “ไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่” จากกรณีที่ “ณฐพร โตประยูร” ยื่นให้ศาลวินิจฉัยยุบพรรค เนื่องจาก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ – ปิยบุตร แสงกนกกุล” หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค รวมถึงกรรมการบริหารพรรค มีการกระทำล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

บรรยากาศชั้น 5 อันเป็นห้องแถลงข่าวหลัก มีกองเชียร์พรรคอนาคตใหม่ รวมสื่อมวลชนทั้งไทย-เทศหลายร้อยชีวิต มาบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ก็เต็มไปด้วยเสียงไชโยของบรรดากองเชียร์ พร้อมตะโกนว่า “เผด็จการจงพินาศ – อนาคตใหม่จงเจริญ” และ “อนาคตใหม่สู้ๆ”

ย้อนกลับไปก่อนการตัดสิน 3 ชั่วโมง ก่อนศาลอ่านคำวินิจฉัย แกนนำพรรคอนาคตใหม่ต่างทยอยเดินทางกันมาติดตามสถานการณ์ ที่วอร์รูมตึกไทยซัมมิท ชั้น 8 ขณะที่อีกมุมหนึ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญ “ณฐพร โตประยูร” ในฐานะผู้ยื่นคำร้อง ยืนยันว่า การยื่นร้องดำเนินคดีแค่ต้องการให้ยุติการกระทำตามคำร้อง ไม่มีเจตนากลั่นแกล้งให้พรรคการเมืองมีปัญหา

“ไม่สนับสนุนให้เกิดการแตกแยก ต้องการให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันที่ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย พร้อมย้ำว่าที่ทำไปทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์”

@ ศาล ชี้ ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

กระทั่งในเวลา 12.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย โดยมีใจความว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 4 (นายธนาธร – นายปิยบุตร – กรรมการบริหารพรรค และพรรคอนาคตใหม่) ไม่ได้เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการล้มล้างการปกครอง เนื่องจากในการขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรค จะต้องยื่นข้อบังคับพรรค ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบ ก่อนรับจัดตั้งพรรคและประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ดังนั้นเมื่อ กกต.รับรองจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองและมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จึงถือได้ว่าข้อบังคับพรรคดังกล่าวไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง จึงไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอว่าผู้ถูกร้องทั้ง 4 ใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครอง ดังนั้นคำร้องดังกล่าวจึงเป็นเพียงข้อห่วงใยของผู้ร้องในฐานะ แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ข้อความในข้อบังคับของพรรคการเมืองควรมีความชัดเจนไม่คลุมเครือ ซึ่ง กกต.มีหน้าที่และอำนาจพิจารณาเพิกถอนข้อบังคับนั้นได้ จึงสมควรที่ผู้เกี่ยวข้องจะได้แก้ไขให้ถูกต้องต่อไป

ส่วนประเด็นเรื่องแนวคิดหรือการแสดงความเห็นของผู้ถูกร้องนั้น เห็นว่า การพิจารณาว่าบุคคลใดจะใช้สิทธิล้มล้างการปกครองจะต้องปรากฏข้อเท็จจริง ทำให้เห็นได้ว่าการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่และไม่ห่างไกลจากเหตุ แต่ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 4 กระทำการล้มล้างการปกครอง

@ กก.บห.-ส.ส.ยังทำหน้าที่ต่อ

หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติ “เป็นบวก” กก.บห.ของ พรรคอนาคตใหม่ 11 คน ที่เป็น ส.ส.ยังคงได้ทำหน้าที่ ส.ส.ต่อไป ประกอบด้วย 1.นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2.น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ลําดับที่ 1 3.นายชํานาญ จันทร์เรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ลําดับที่ 2 4.พลโท พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ลําดับที่ 3

5.นายไกลก้อง ไวทยการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนสมาชิกพรรค 6.น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรค 7..นายสุรชัย ศรีสารคาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรค 8.น.ส.เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรค 9.นายเจนวิทย์ ไกรสินธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรค 10.น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรค 11.นายนิรามาน สุไลมาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรค เช่นเดียวกับ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ทั้ง 46 คน (หัก 4 คนที่เป็นงูเห่า)

@ ชี้ ไม่ควรเป็นคดีตั้งแต่แรก

เวลา 13.00 น. ธนาธร – ปิยบุตร และ ส.ส.ของพรรคทั้งหมด ร่วมกันแถลงข่าวหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติ โดยนายปิยบุตร กล่าวว่า เราเห็นว่าคดีนี้ไม่ควรเป็นคดีตั้งแต่แรก ยืนยันว่า นายธนาธร ตน และพรรคอนาคตใหม่ ไม่มีความคิดล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิ่งที่พวกเราคิด และดำเนินการอยู่นั้น คือการรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้มั่นคง ให้ยั่งยืน เพราะระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น ไม่มีที่อยู่ที่ยืนให้การรัฐประหาร เผด็จการสืบทอดอำนาจ การรัฐประหารต่างหากเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

การยึดอำนาจ ประกาศฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ตั้งตนเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ต่างหากเป็นล้มล้างการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้น จึงมิใช่ประชาชน พรรคการเมือง ที่คิดล้มล้างการปกครองแต่เป็นกลุ่มบุคคล กองทัพ ที่ถืออาวุธ และก่อการรัฐประหารยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญต่างหากที่ล้มล้างการปกครอง

@ ชงตั้ง กมธ.ศึกษาป้องกันรัฐประหาร

“สัปดาห์นี้ในการประชุมสภา วันพุธ และพฤหัสบดี ตนและเพื่อนสมาชิกอนาคตใหม่ยื่นญัตติเข้าไป คือ ขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการป้องกันรัฐประหาร เพราะเราเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มิสามารถดำรงอย่างยั่งยืนได้ถ้าหากประเทศไทยอยู่ในวงจรรัฐประหารอยู่ร่ำไป” นายปิยบุตรกล่าว

นายปิยบุตรกล่าวว่า สมาชิกพรรค และ ส.ส.ของพรรค ยังคงยืนยันเดินหน้าทำงานทางการเมืองทำงานอย่างสร้างสรรค์ต่อไป นอกจากนี้ นอกจากนี้ ยังมีญัตติสำคัญ คือ ผลกระทบจากฝุ่น pm2.5 ดังนั้น เราเดินหน้าทำงานอย่างสร้างสรรค์อย่างแน่นอน เราเตรียมเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จะไปยื่นญัตติอภิปรายรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม แม้วันนี้คำร้องยุบพรรค จะถูกยกออกไป แต่ก็ยังมีกระบวนการร้องยุบพรรคที่ต้องการทำลายพรรคอนาคตใหม่อยู่ เราเชื่อว่าการร้องยุบพรรค กระบวนการนิติสงครามมิใช่หนทางที่ทำให้ระบอบประชาธิปไตยยั่งยืนได้ มีแต่เพียงเปิดพื้นที่ทางการเมืองใหม่ๆ เปิดโอกาสให้กลุ่มที่มีความคิดหลากหลายเข้ามาต่อสู่กันในระบบสภา ตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ถึงจะนำประเทศสู่อนาคตแบบใหม่ได้

@ เดินหน้า ล้างคำสั่ง คสช.

ด้าน นายธนาธรกล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจเรา ตนและพรรค ในฐานะตัวแทนพรรคอนาคตใหม่ขอบคุณทุกคนที่ทำให้เราก้าวมาถึงจุดนี้ วันนี้ พรรคได้รับคำวินิจฉัยจากศาลแล้วว่าให้พรรคเดินต่อไป ดังนั้น เราขอสัญญากับประชาชนว่า ขาที่หนึ่งงานในสภา ตนและ ส.ส.ของพรรคจะมุ่งมั่นทำงานในสภาอย่างสร้างสรรค์ มีคุณภาพ ตรวจสอบรัฐบาลอย่างแข็งขัน สมกับที่ประชาชนไว้ใจ ในการทำงานในสภา จะมุ่งมั่นต่อไปที่ทำให้นโยบายของเราระหว่างประชาชนกับพรรคการเมืองเป็นจริงให้ได้ ระยะกลางในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าจะรณรงค์ในหลายร่างกฎหมายที่เสอนไป ทั้ง ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 17 ฉบับ ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกเกณฑ์ทหารภาคบังคับ ร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า

“พวกเราจะรณรงค์ต่อให้เห็นว่าพวกเราจริงจังและมุ่งมั่น อีกด้านหนึ่ง ผมจะทำงานกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง แม้ตัวผมเองไม่ได้เข้าสภาแล้วก็จะยังพบปะกับประชาชนทุกภูมิภาค เอาปัญหาของพี่น้องมาฝากเพื่อน ส.ส.ให้ผลักดันแก้ไขต่อไป จะรณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจเห็นความสำคัญการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่จะนำซึ่งโอกาสของคนในสังคมแลกเปลี่ยนกันว่าจะอยู่ในสังคมแบบไหนร่วมกัน จะเป็นวิถีทางเดียวให้เมืองไทยหลุดจากความขัดแย้ง วันนี้ทุกท่านเห็นแล้ว ว่าที่ผ่านมาเราทำงานอย่างหนักแค่ไหน ในปี 2563 จะทำงานหนักไม่ต่างจากอดีต” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรกล่าวอีกว่า พรรคอนาคตใหม่คือการเดินทางและผู้คน การเดินทางนี้เพิ่งเริ่มต้น ยังเป็นการที่สั้นและเยาว์วัยมากนัก ยังไม่ถึง 2 ปี ยังมีสิ่งที่อยากทำอีกเยอะ สัญญาไว้จะทำงานให้เต็มที่ตามศักยภาพที่มี เพื่อผลักดันความฝันให้เป็นจริง เป็นตัวแทนของผู้คนที่ต้องการเห็นประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า

@ อัดกลับนักร้องควรรู้จักแพ้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะฟ้องกลับผู้ร้องกรณีล้มล้างการปกครองหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ เชื่อว่าขบวนการร้องเรียนกันไปกันมาเรื่องยุบพรรค ไม่เกิดประโยชน์ต่อการเมืองการปกครอง และประชาธิปไตยไทย นักร้องยุติกระบวนการนักร้อง แล้วเดินหน้ามาทำงานร่วมกัน ส่วนการต่อสู้คดีเงินกู้ 191 ล้านบาทนั้น พร้อมสู้คดี เราเห็นว่าการดำเนินการในชั้น กกต.ไม่ถูกต้องตามระเบียบ ข้อบังคับของ กกต. เพราะ อนุกรรมการหลายๆ ชั้นใน กกต.ยกคำร้องไปโดยมติเอกฉันท์ไปแล้ว แต่ กกต.ยังเดินหน้าร้องยุบพรรคต่อไป ทางพรรคฟ้อง กกต.ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางแล้ว และศาลกำลังเรียกเอกสารจาก กกต.ไป เพื่อชี้ขาดว่าจะรับคำฟ้องนี้ไว้หรือไม่

ขณะที่การต่อสู้คดีในศาลรัฐธรรมนูญ เราจะยื่นเอกสารชี้แจงคำให้การ ร้องขอให้ศาลเปิดกระบวนการไต่สวน เพื่อเรียกพยานเอกสาร พยานบุคคล เข้ามาพิจารณา มั่นใจว่า คดีเงินกู้เรายืนยันไม่ผิด ไม่เป็นเหตุให้ยุบพรรค เพราะการกู้เงินไม่มีกฎหมายใดห้าม ในกฎหมายใหม่มีหลายพรรคที่กู้เงิน และเงินกู้ไม่ใช่รายได้ แต่เป็นหนี้สิน ไม่ได้รับประโยชน์ ไม่ใช่เงินบริจาค รับมาแล้วต้องใช้คืน และคืนแล้วบางส่วน เรากู้เงินเพื่อทำกิจกรรมพรรคการเมืองไม่ได้ประกอบธุรกิจ ฝากถึงนักร้องเมื่อกฎหมายไม่เข้าองค์ประกอบ เมื่อกฎหมายไม่เข้าองค์ประกอบก็หยุดเสีย เราไม่เคยปฏิเสธกระบวนการตรวจสอบ พร้อมยืนอยู่ในที่แจ้งให้ตรวจสอบ แต่เมื่อร้องแล้วไม่ผิดก็ต้องยอมรับ ไม่ใช่หาช่องไปสู่การยุบพรรคให้ได้

ด้านนายธนาธรกล่าวว่า ส่วนกิจกรรมทางสังคม เช่น การวิ่งไล่ลุงเราไม่ได้เข้าร่วมเพื่อการตัดสินคดีในวันนี้หหรือวันหลัง เราเข้าร่วมด้วยความบริสุทธิ์ใจ เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับในวันนี้หรือวันข้างหน้า