ฝ่ายค้านลั่น มีหมัดน็อก “ประยุทธ์+5 รัฐมนตรี” สรุป 6 ปม ไม่ไว้วางใจ ไม่สมควรอยู่ต่อ

สิ้นสุดการรอคอย ฝ่ายค้าน 6 พรรค (พรรคเศรษฐกิจใหม่ถอนตัวจากการเป็นฝ่ายค้าน) ได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเสียที

หลังจาก ลับ ลวง พราง เป็นเวลานาน ตั้งแต่บอกว่าจะยื่นญัตติซักฟอกในช่วงเดือน ธ.ค.ขยับมา ม.ค.หลังตรุษจีน แต่หลังตรุษจีนแล้วก็ยังเลื่อนอีก จบด้วยการยื่นญัตติในวันที่ 31 ม.ค.พอดิบพอดี

ตามกระบวนการ หลังจากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะบรรจุวาระภายใน 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะหารือกับรัฐบาลถึงความพร้อมที่นายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกยื่นซักฟอกจะมาตอบคำถามในสภาผู้แทนราษฎร ตามหลักจะไม่เกิน 2 สัปดาห์

แหล่งข่าวจากฟากรัฐบาล กาปฏิทินล่วงหน้าไว้ว่า วัน ว. เวลา น.ที่ฝ่ายรัฐบาลพร้อมตอบคำถามฝ่ายค้าน คือในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุมสภา ประมาณวันที่ 24 – 25 ก.พ. เป็นต้นไป

Photo by Chaiwat Subprasom/SOPA Images/LightRocket via Getty Images

เป้าซักฟอกพุ่งตรงไปที่ 1 นายกฯ + 5 รัฐมนตรีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ในญัตติของฝ่ายค้านระบุข้อกล่าวหา ระบุความผิดดังนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม สรุปได้ 6 ข้อ

เป็นผู้ไม่ยึดมั่น และศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลัมล้างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกคองประเทศ กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

ใช้อำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม ละเมิดหลักนิติธรรมและสิทธิเสรีภาพของบุคคลอย่างกว้างขวาง เป็นผู้นำประเทศที่กร่างเถื่อน มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู ปิดปากผู้ที่มีความเห็นต่าง ชอบก่นด่าเมื่อถูกซักถาม เมื่อได้อำนาจมาโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรมนูญก็สร้างกลไกในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อมุ่งสืบทอดอำนาของตนเองปล่อยให้มีการทุจริตเต็มบ้านเต็มเมือง

ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง บริวารและพวกพ้องเข้าข้างคนชั่วที่เป็นพวกโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม

บริหารราชการแผ่นดินโดยขาดความรู้ความสามารถผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ขาดคุณธรรม จริยธรรม แทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำ และองค์กรในกระบวนการยุติธรรมเรียกได้ว่าเป็นยุคยุติธรรมหมดตรง บังคับใช้กฎหมายโดยเลือกปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักความเสมอภาค ไม่เคารพและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ไม่ปฏิบัติหน้ที่และใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละ เปิดเผย ไม่มีความรอบคอบและระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชส่วนรวม

มีการกระทำอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติทุจริตต่อหน้าที่ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่รักษาวินัยการเงิน การคลัง ใช้งบประมาณของรัฐสร้างคะแนนนิยมให้กับตนเองและพรรคการเมืองโดยมิได้คำนึงถึงภาระด้านงบประมาณของประเทศเป็นยุคที่เงินกำลังจะหมดคลัง ไม่ยึดตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ลุแก่อำนาจ ขาดภาวะผู้นำ ไม่เสริมสร้างให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างป็นธรรม ผาสุก และสามัคคี ปรองดองกัน แต่กลับสร้างความขัดแย้งให้ขยายวงกว้าง ลัมเหลวและไร้ประสิทธิภาพในการดูแลเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดผลกระทบทางเศษฐกิจกับประชาชนทุกภาคส่วนจนก่อให้เกิดสภาพ “รวยกระจุก จนกระจาย” ประชาชนสิ้นหวังให้ความสำคัญกับการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มากกว่าปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน

ล้มเหลวในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลอกลวงประชาชนไม่ทำตามนโยบายที่พรรคการเมืองที่สนับสนุนตนหาเสียงไว้ทั้งเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ราคาพืชผลทางการเกษตร และลดภาษีเงินได้

ไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ การบริหารราชการแผ่นดินของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งผลกระทบแล ความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างกว้างขวาง เป็นยุคที่ทุจริตเพื่องฟู น้ำกำลังจะหมดเขื่อน มวลอากาศเป็นพิษเต็มเมือง เศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง หากปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงจนประเทศถึงแก่ความล่มจมได้

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองและพวกพ้อง ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเอง มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี

ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบด้านกฎหมายได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่เข้าไปก้าวก่าย แทรกแชง การปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและผู้อื่น เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายด้านการเงินแก่รัฐ จำนวนมาก บังคับใช้และตีความกฎหมายโดยไม่ยึดหลักการและบรรทัดฐานที่ถูกต้อง จนทำให้การบังคับใช้กฏหมายเป็นเรื่องของอภินิหาร ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ชี้นำการปฏิบัติหน้ที่ของหน่วยงานของรัฐและองค์กรอิสระและไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ ฉ้อฉล ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้ที่แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง บริวารและพวกพ้อง กลั่นแกล้งข้าราชการประจำ ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของข้าราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่างกว้างขวาง จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ละเว้นไม่ดำเนินการตามกฏหมาย ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

นายดอน ปรมัถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทวงต่างประเทศ

บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง สัมเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรมและจริยธรม มีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่ง หน้าที่ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของราชการเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องโดยมิใช่ อำนาจหน้ที่ของตนตามที่กฎหมายบัญญัติ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นไปตามครรลองที่กำหนดไว้ เพื่อเอื้อประโยชนให้กับบริษัทข้ามชาติ ส่อว่าจงใจปฏิบัติหน้ที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรมนูญและกฎหมาย ฝ่ฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง นำพาชาติเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศและไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

บริหารราชการ แผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งฐมนตรี เข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ปกป้องพวกพ้องโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ

ยัน ไม่มีดีลลับถอนชื่อ รมต.พรรคร่วม

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้าน ทั้ง 6 คน พรรคฝ่ายค้านพรรคร่วมพิจารณากันถ่องแท้ ข่าวที่ออกมาวันสองวันเป็นภาพรวมทั้งหมดที่จะอภิปราย จนมีการตรวจสอบข้อมูล กระทั่งก่อนแถลงข่าว 5 นาที พิจารณาเหลือ 6 คน ข้อมูลเรามี เราถึงยื่นญัตติ ส่วนชื่อที่ถูกตัดไปที่มีดีลทางการเมืองหรือไม่นั้น เราตรวจสอบดูแล้วเกี่ยวกับข้อมูลที่เรามี เราต้องพิจารณาว่าจะแน่นอนแค่ไหน ส่วนการดีลคงไม่มี เพราะถ้าดีลผมต้องคุยกับรองนายกฯ ทั้งหมดหรือยังไง ส่วนข่าวที่ผมไปดีลนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงไปแล้วว่าไม่มี ไม่เคยคุยอะไรมากมายกับ รมว.คมนาคม คุยเรื่องนายชัย ชิดชอบ สบายดีหรือไม่จะไปขอเยี่ยม ยังไม่ทันจะเยี่ยมก็กลับบุรีรัมย์ไปเสียก่อน

“ส่วนการอภิปรายชนะแพ้ อยู่ที่มือ ไม่ได้หวังคว่ำในสภา อยากให้สื่อถ่ายทอด ให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนได้เข้าใจและประชาชนจะตัดสินใจ กรณีล้มรัฐบาลเราล้มไม่ได้หรอกในฐานะฝ่ายค้าน แต่ประชาชนที่ฟังอยู่มีสิทธิที่จะล้มรัฐบาล” นายสมพงษ์ กล่าว

มิ่งขวัญยังขอแจม

นายสมพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเศรษฐกิจใหม่ถอนตัวว่า ได้รับแจ้งจากหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ว่ามีความรู้สึกว่าพรรคจะยึดมั่นที่ประชุมพรรคเป็นหลัก ตามมติของคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.พรรค) สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ตำหนิติเตียน ให้กำลังใจโดยตลอด ถ้าหาก กก.บห.มีมติสิ่งหนึ่งสิ่งใด สมมติว่าฝ่ายค้านมีมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 6 คน แต่หาก กก.บห.มีมติไม่เห็นด้วยกับฝ่ายค้านก็ไปลงมติให้กับฝ่ายรัฐบาล จะทำให้สับสนจึงเกิดการส่งหนังสือมา ส่วนนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะยังได้อภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องเศรษฐกิจหรือไม่นั้น นายมิ่งขวัญยังมีดำริอยู่ กำลังจัดสรรว่าควรจะทำอย่างไร ผู้แทนมีโอกาสอภิปรายได้ทุกคน

มั่นใจมีหมัดน็อก

เมื่อถามว่า ที่ไม่อภิปรายพรรคใหญ่ หวังว่าจะจับขั้วร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทยในอนาคตหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านไม่ได้คิดอย่างนั้น เขาจะคิดอย่างไรก็เรื่องของเขา เราจะอภิปรายให้เห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลทำในหลายปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรให้ผู้ฟังได้ตัดสินใจ ส่วนใบเสร็จหมัดน็อก ไปฟังเอาตอนอภิปรายดีกว่า มีแน่นอน

ขณะที่นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ให้ความมั่นใจกับสื่อมวลชนและประชาชนทั่วประเทศ การอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวังเพราะกว่าจะตัดสินใจอภิปรายท่านใดเราได้ตรวจสอบข้อมูลชัดเจน เราจึงตกลงว่าจะอภิปรายว่าอะไรบ้าง ส่วนคนที่ไม่ถูกข้อมูลอาจเทาๆ อยู่แต่ในรอบต่อไปหากมีข้อมูลชัดเจนก็จะอภิปราย เราเอาสีที่เข้มๆ อภิปรายในครั้งแรก ส่วนอภิปรายฝ่ายค้านท่านใดอภิปรายใครเราได้แบ่งกันแล้วและมาดูข้อมูลกัน นายกฯ อาจอภิปรายกันทุกพรรค เพราะปฏิบัติไม่ตามกฎหมายมีเยอะ รัฐมนตรีท่านเดียวอาจพูดหลายท่าน ส่วนรัฐมนตรีคนที่มีข้อมูลเยอะอภิปรายคนเดียวหรือสองคนก็น็อกแล้ว

“ข้อมูลเราดูทุกด้านโดยเฉพาะบริหารที่ผิดพลาด ทุจริต ขาดคุณสมบัติ ส่วนจะย้อนไปถึงยุค คสช.หรือไม่ ถ้ามีผลกระทบถึงวันนี้ก็ต้องอภิปรายเพราะสร้างความเสียหายกับประชาชน เราพยายามให้ประชาชนฟังอย่างมีสาระที่สุด เพราะประชาชนตัดสินอย่างที่เสียงในสภาอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความมุ่งหมายของฝ่ายค้านคือประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าบุคคลที่อภิปรายซื่อสัตย์สุจริต บริหารงานด้อยประสิทธิภาพ” หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าว

ขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวสั้นๆ ว่า เราเป็น ส.ส.หน้าใหม่ แต่ก็จะทำการบ้านกันอย่างเต็มที่

เสรีพิสุทธิ์ ยังขุดถวายสัตย์ฯ

พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ยังจะอภิปรายเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ จะจบได้อย่างไร ในเมื่อขัดกฎหมาย จะเป็นรายละเอียดมากกว่าที่เห็น จะให้ผู้แทนของพรรคค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม เพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า สิ่งที่เรากังวลว่าจะอภิปรายช่วงไหน เกรงที่สุดคือรัฐบาลจะไปบรรจุท้ายๆ ก่อนปิดสมัยประชุม ขอฝากรัฐบาลและสภา ถ้าทำอย่างนั้นประชาชนจะผิดหวังมากๆ

ทั้งนี้ จากการหารือกับนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาลกันสองคน เห็นตรงกันว่าเริ่มต้น 19 ก.พ.จะเหมาะสมที่สุด โดยอภิปรายกัน 3 วัน 19-21 ก.พ.และลงมติวันที่ 22 ก.พ. แต่ฝ่ายค้านเห็นว่าควรเว้นไว้ 1 วันหลังการอภิปราย จึงค่อยลงมติ ซึ่งในส่วนนี้ยังเห็นไม่ตรงกัน

เมื่อถามว่าทำไมมีชื่อพรรคพลังประชารัฐพรรคเดียว นายสุทิน กล่าวว่า ลืมคิดเรื่องพรรค คิดว่าใครมีความผิดและหลักฐานที่เหมาะ ไม่ได้คิดเรื่องพรรคเลย