พรรคจิ๋วป่วน โก่งค่าโหวตไว้วางใจ ขู่กำจัดจุดออ่น

อีกไม่ถึง 72 ชั่วโมง การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพวก รวม 6 รัฐมนตรี จะ “ระเบิดศึก” 3 วัน 3 คืน ระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์ 2563 และลงมติในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดคอร์ทอบรม- ติวเข้ม ที่โรงแรม Way Hotel อ.บางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล-วิปรัฐบาล ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และ “พรรคเล็ก” เข้าร่วมซ้อมบท

5 รัฐมนตรีที่ “ถูกซักฟอก” ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี-ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี

นายดอน ปรมัตถ์นัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ.ร.อ.ธรรมนัส พหรมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ขาดเพียง “พล.อ.ประยุทธ์” ที่ชกลมอยู่ที่บ้านพัก โดยมี “วอร์รูมตึกไทยคู่ฟ้า” ที่มี “เลขานายกฯคู่ใจ” ดิตทัส โหตระกิตย์” คอย “ติวเข้ม”

อย่างไรก็ดีพล.อ.ประยุทธ์ ได้ส่ง “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม มารับบท “บุรุษไปรษณีย์” รับ-ส่งสารให้พล.อ.ประยุทธ์ – เจ้ากระทรวงกลาโหม

“วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล เปิดหัวสัมมนา-ซักซ้อมแกนนำรัฐบาล-พรรคร่วมก่อนถึง “วันจริง”

“ถือว่าวันนี้เรามาทำงานร่วมกัน พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดจะเคลื่อนเป็นแบบไหน คะแนนจะออกมาอย่างไร ต้องไปดูกันวันโหวตอีกครั้ง”

“เราจะทำเหมือนกันหมด พร้อมกันหมดทุกท่านที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะที่ข้อหาแต่ละท่านก็แตกต่างกันออกไป จึงต้องค่อย ๆ มาพิจารณาทีละประเด็น”

แม้ “ประธานวิปรัฐบาล” เตรียมซ้อมบท-วางสคริปต์พรรคแกนนำ-พรรคร่วมรัฐบาลให้การโหวตเป็นไปใน “ทิศทางเดียวกัน” แต่ “เต้-มงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์” หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ไม่การันตรีว่า “พรรคเล็ก” จะยกมือโหวตให้ 6 รัฐมนตรีเท่าหมด

“แล้วแต่อารมณ์ ต้องดูข้อมูลก่อน สมมุติว่าตัวรัฐมนตรีทำผิดจริง ๆ มันชัด ใครจะไปลงให้ บ้าหรือเปล่า ไม่ใช่แมวนะ แม้จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่จะร่วมในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น จะไม่ร่วมในสิ่งที่ผิด คำว่าพรรคร่วมรัฐบาล คือ ร่วมในสิ่งที่ถูกต้อง”

“เรื่องไหนที่พอแก้ไขได้ หยวน ๆ ได้ แต่ถ้าชัด ๆ ยาก ไอ้เทา ๆ เทาแบบไหน เทาค่อนดำหรือเปล่า หลักฐานชัด มีใบเสร็จ ตายแล้ว ใครจะไปยก ถ้าตั้งใจทุจริต เรียบร้อย เราคงให้ไม่ได้”

“ถ้าบกพร่องโดยสุจริต ก็หยวน ๆ ได้ เพราะเราเป็นพรรคร่วม แต่ถ้าบกพร่องโดยทุจริต คงยาก ไม่ใช่พวกมากลากไป ฝั่งเราผิดแล้วไปยกมือให้ ไม่ได้ งั้นก็ไม่ใช่คนแล้ว เราเป็นสภาผู้แทนราษฎร”

“ร.อ.ธรรมนัส” 1 ใน 6 รัฐมนตรีที่ถูกซักฟอก ถูกมองว่าเป็น “จุดอ่อน” ของรัฐบาล และถูกคาดหมายว่า จะถูก “กำจัดจุดอ่อน”

“ดูข้อมูลก่อน ถ้าข้อมูลชัด พฤติกรรมชัด มีหลักฐานชัด เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะยกให้ ยาก ถ้าข้อมูลชัด ก็ต้องปรึกษานายกฯ ปรึกษาลุงป้อมว่าจะเอาอย่างไร ถ้าเป็นลุงป้อมจะยกมือให้ไหม ถ้าเป็นนายกฯ จะกล้ายกมือไหม ถ้าท่านยกให้แล้วไม่กลัวสงคมคลางแคลง ผมก็ไม่ไหว”

“ถ้าฝ่ายค้านนำข้อมูลไม่ถูกต้อง เป็นเท็จเราก็คงต้องคัดคาน คัดค้านตามข้อบังคับประชุมสภา แต่ฝ่ายค้านมีข้อมูลรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลที่ค่อยข้างชัดเจน แต่มติวิปรัฐบาลให้เรายกให้ ต้องมานั่งคุยกันใหม่”

“ถ้ามันชัดเจน ดำเมี่ยมคงให้ไม่ได้ แม้กระทั่งเทา ๆ ก็ให้ไม่ได้ ถ้าตั้งใจทุจริต ชาติหน้ายกให้ เพราะผมเชื่อมั่นว่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐคงไม่ช่วยเหลือคนผิด เราไม่อยากทำฝืนใจให้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ส่วนเสียเราควรเขี่ยออก”

ขณะที่ “พิเชษ สถิรสวาล” หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ออกลูกเล่น-ไม่เป็นเด็กดี หากประธานวิปรัฐบาล “จับยกมือ” ฟอกขาวให้ “รัฐมนตรีสีเทา”

“ผมก็ไม่เชื่อว่า ถ้าหลักฐานมันชัดเจน แล้วประธานวิปรัฐบาจะบังคับให้เรายกมือให้ เช่น หลักฐานคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วุฒิการศึกษา ยาเสพติด”

“ถ้าประธานวิปจะให้ยกมือเท่ากันทุกคนคงไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะคุณสมบัติของรัฐมนตรีของร.อ.ธรรมนัส ถ้ามาบอกให้ผมยกมือให้ก็ต้องหารือกัน”

“รัฐมนตรีในรัฐบาลเราให้ความร่วมมือยกมือให้อยู่แล้ว แต่รัฐมนตรีบางคนถ้าชัดเจนเรื่องทุตริตคอร์รัปชั่น หรือ เรื่องคุณสมบัติ คงฝืนใจยกมือให้ลำบาก”

ก่อน “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” พ่อบ้านพรรคพลังประชารัฐ จะออกมาสวมบท-สยบข่าว “เสียงแตก” ก่อนในโหวต

“เป็นธรรมดาที่มีเสียงที่แตกต่างกันภายในพรรคร่วม แต่เชื่อว่าเสียงสนับสนุนจะไปในทิศทางเดียวกัน”

ในวันอภิปรายพรรคพลังประชารัฐจะมีวอร์รูม-ทีมองครักษ์พิทักษ์นายกฯ และ หน่วยเคลื่อนที่เร็ว-ทีม อ.ส.ว. ในวันอภิปราย โดยจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ทีม ทีมที่ 1 ทีมองครักษ์นอกสภาจะถูก “ผ่าครึ่ง” ออกเป็น 2 ชุด

ตั้งกองบัญชาการที่พรรค 1 ชุด อีก 1 ชุด ประจำกันที่สภา คอย “มอนิเตอร์” การอภิปรายในสภา

โดยมี “จำลอง ครุฑขุนทด” เป็น “ตัวประสาน” เพื่อเก็บ-ส่งข้อมูลไปให้องครักษ์นิติบัญญัติ- อ.ส.ว. เสิร์ฟข้อมูลไปยัง ทีม ว. “วิรัช” ประธานวิปรัฐบาล เพื่อตอบโต้ฝ่ายค้าน

อย่างไรก็ตาม “พลพวง” จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ “ยุบพรรค” อนาคตใหม่ – ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) 10 ปี ทำให้พรรคเสียงรัฐบาลจาก “ปริ่มน้ำ” กลับกลายเป็น “เหนือน้ำ”

นาทีนี้ “ศึกนอก” จึงไม่น่าหนักใจเท่า “ศีกใน” สารพัดก๊กในพรรคพลังประชารัฐ