ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์-พวก รวม 6 รัฐมนตรี แม้ระดับความมันส์จะลดกรีความเข้มเข้นจาก 5 ดาว เหลือ 3 ดาว – เป็นเพียง “พิธีกรรม” คั่นเวลาก่อนปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประยุทธ์2/1
หลังจากพรรคอนาคตใหม่ “ถูกยุบ” เสียงรัฐบาลเกินครึ่ง-ทะลุ 263 เสียง
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ทว่า พรรคพลังประชารัฐยังเดินหน้า “อุ่นเครื่อง” ด้วยการยกทีมพรรคแกนนำ-พรรคร่วมรัฐบาลเปิดห้องสัมมนาริมทะเล-กลางเมืองพัทยา “เก็งข้อสอบ” พร้อมกับซักซ้อมวอร์รูม-เขียนบททีมองครักษ์พิทักษ์
โดยแบ่งทีมวอร์รูมแบ่งออกเป็น 3 ทีม ทีมที่ 1 “ทีมองครักษ์นอกสภา” – ส.ส.ต. (ส.ส.สอบตก) จะถูก “ผ่าครึ่ง” ออกเป็น 2 ชุด 1 ชุด นอกสภา-พรรคพลังประชารัฐ อีก 1 ชุด ประจำการที่สภา คอย “มอนิเตอร์” การอภิปราย-เตรียมข้อมูล
มี “จำลอง ครุฑขุนทด” เป็น “ตัวประสาน” เพื่อเก็บ-ส่งข้อมูล เสิร์ฟไปยัง ทีม อ.ส.ว. เพื่อตอบโต้ฝ่ายค้าน
โดยพลังประชารัฐจะรุก 3 แพลตฟอร์ม ทั้งในสภา-นอกสภาและ “ออนไลน์” โดยจะตั้ง “เพจ” ขึ้นมาโต้ตอบ-โต้กลับฝ่ายค้าน และการ “ซักฟอกนอกสภา” ของ “คณะอนาคตใหม่”
ในสภา 6 รัฐมนตรี จะ“รับ-ส่ง” ข้อมูล จาก “วอร์รูมตึกไทยคู่ฟ้า” ที่ประกอบไปด้วยข้าราชการจากทุกกระทรวง เพื่อชี้แจงบนเวทีซักฟอกที่มีประชาชนติดตามทางหน้าจอทีวี
ขณะที่นอกสภา-ข้างเวทีอภิปราย กรณีรัฐมนตรีชี้แจงไม่ทัน-ข้อมูลไม่ครบ จะให้รัฐมนตรี-ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล “ตั้งโต๊ะแถลง” แจงข้อมูลให้กับ “ทัพนักข่าว” ถนนข้อมูลข่าวสารทุกสายมุ่งเดินสู่สภาให้ “ครบทุกประเด็น” เพื่อ ‘ชิงพื้นที่” สื่อกระแสหลัก-แสกระแสรอง
สำหรับสมรภูมิโซเชียลมีเดีย ใช้ “เพจเฉพาะกิจ” ตอบโต้ฝ่ายค้านผ่าน “โลกออนไลน์”
“ทศพล เพ็งส้ม” มือกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ-ทีมองครักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ เชื่อว่าการที่ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี “ลงมาเล่นเอง” จะทำให้รัฐบาลผ่านศึกซักฟอกไปได้อย่างราบรื่น
ประกอบกับพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ทำให้ไม่มี “คู่ชก” ที่ “สมเนื้อสมเนื้อ”
โดยเฉพาะการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปีของ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ปิดฉาก “ดาวสภา” ผู้ใช้ “นิติคำศัพท์” เรียกเสียงเฮจาก “กองเชียร์” หักล้าง “อภินิหารทางกฎหมาย” ได้อย่างออกรส
โดยทีมองครักษ์จะแก้เกม-เปลี่ยนเทคติก ไม่ใช้โวหาร-วาทะตกยุค เช่น คำว่า “ทุจริตเชิงนโยบาย” จากโครงการรับจำนำข้าว หรือ จากการออกกฎหมาย “นิรโทษกรรมเหมาเข่ง”
แต่จะผลิต “คำใหม่” เจาะกลุ่มชนชั้นกลาง “คนทำงานออฟฟิศ” ที่สนใจการเมืองให้ไถโทรศัพท์มือถือแล้ว “สะดุดตา” เรียกยอดไลก์-ยอดวิว-ยอดแชร์ โดยให้ไปเรียนเคล็ดวิชาจาก “หมอวรงค์” เป็น “ต้นแบบ” ในการบัญญัติศัพท์ใหม่ เช่น “ลัทธิชังชาติ”
อย่างไรก็ตาม “อดีตศิษย์เก่าประชาธิปัตย์” ไม่กังวลเกมซักฟอกในสภา แต่กังวล “เสียงพรรคร่วม” ที่ “ควบคุมไม่ได้” จึงควร “ซาวด์เสียง” พรรคร่วมรัฐบาล ถึงแม้จะเชื่อว่า 6 รัฐมนตรีตอบข้อกังขาได้ แต่หลังไมค์ “ขอคิดดูก่อน”
“ประเด็นอภิปรายไม่ใช่เรื่องทุจริต แต่เกี่ยวกับการกระทำของตัวบุคคล ประชาธิปัตย์เอาไง พรรคร่วม Ok กับรัฐมนตรีคนไหนบ้าง ส่วนภูมิใจไทยไม่แตกแถวอยู่แล้ว ขณะที่พลังประชารัฐไหลตามน้ำ คนสั่งคนเดียวจบ”
เช่นเดียวกับ “พรรคจิ๋ว” ที่ป่วนจ้องป่วน-โกงเสียงโหวตไว้วางใจ “รัฐมนตรีสีเทา” ที่ไม่การันตรีว่า “พรรคเล็ก” จะยกมือโหวตให้ 6 รัฐมนตรีเท่าหมด
“แล้วแต่อารมณ์ ต้องดูข้อมูลก่อน สมมุติว่าตัวรัฐมนตรีทำผิดจริง ๆ ใครจะไปลงให้ ถ้ามันชัดเจน ดำเมี่ยมคงให้ไม่ได้ แม้กระทั่งเทา ๆ ก็ให้ไม่ได้ ถ้าตั้งใจทุจริต ชาติหน้ายกให้”เต้-มงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์” หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์
ขณะที่ “เสี่ยโต้ง” สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ” ส.ส.เขต 1 ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย 1 เดียวของ “ค่ายสีน้ำเงิน” ที่ “โหวตสวน” มติพรรค “งดออกเสียง” สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี บอกว่า
การลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจครั้งนี้ “ไม่ใช่การไถ่บาป” เพราะรัฐบาลชุดนี้ยังไม่ได้ใช้งบประมาณปี 2563 ซึ่งเป็นงบประมาณใหม่-ไม่สามารถสรุปว่ารัฐบาลนี้ทุจริต