สุชาติ : โฮลดิ้งพลังประชารัฐ ทั้งพรรคขึ้นตรงประธาน ‘ประวิตร = ประยุทธ์’

สัมภาษณ์พิเศษ

การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา-6 รัฐมนตรี แพ้-ชนะกันด้วยเสียง-มือในสภา แต่เดิมพันตำแหน่งรัฐมนตรีในทำเนียบ-พรรคพลังประชารัฐ

“ประชาชาติธุรกิจ” สนทนาพิเศษ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี-ประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ
ผู้ประกาศตัวเองเป็น “องครักษ์พิทักษ์ฝ่ายนิติบัญญัติ-พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์” เป็น 1 ใน 2 ชื่อโควตาพลังประชารัฐ ที่ติดโผ-หลุดโผ “ครม.ประยุทธ์ 2/1”ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งในพลังประชารัฐ แต่ “สุชาติ” ยืนยัน ในพรรคมีแต่ความสามัคคี เรียบร้อย ไม่แตกแยก

ขวางฝ่ายค้าน ซักฟอกนอกเกม

“เสี่ยเฮ้ง” ทีม ส.-สุชาติ 1 ในทีม “อ.ส.ว.” เปิดฉากถึงเหตุผลการตั้ง “องครักษ์พิทักษ์ฝ่ายนิติบัญญัติ” เพราะต้องการรับมือกับฝ่ายค้านเล่นนอกเกม-พิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ที่ได้รับคะแนนเสียงจากแฟนคลับ 8.4 ล้านคะแนน

วันนี้ฝ่ายค้านเป็นฝ่ายรุก ฝ่ายไล่ล่า มีวอร์รูม ท่านเฉลิม (ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง) ซึ่งไม่ได้เป็น ส.ส. ไม่ได้อยู่ในสภา มาเป็นหัวหน้าทีมอภิปราย แล้วพวกผมเป็น ส.ส. เป็นประธาน ส.ส.อยู่ในสภาแท้ ๆ จะไม่มีทีมรองรับฝ่ายนิติบัญญัติได้ยังไง

“ถ้าผมไม่ทำอะไรเลย คนที่เลือกพรรคพลังประชารัฐ 8 ล้าน 4 แสนเสียง เขาจะว่าพวกผมหรือไม่ เขาเลือกพวกผมมาเป็น ส.ส. บางคนเป็น ส.ส.สมัยแรกมาได้ เขาเลือกเพราะพรรคเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี”

“ใครเคยคิดหรือไม่ว่า กทม.จะได้ ส.ส. 12 คน ประชาธิปัตย์จะไม่เหลือสักคน ส.ส.บางคนเพิ่งลงเลือกตั้ง
สมัยแรกก็ได้เป็นเลย เพราะพรรคพลังประชารัฐเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี”

ฝ่ายค้านตั้งวอร์รูม 6 พรรค ในวิปรัฐบาล มีประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ซึ่งรัฐมนตรีไม่โดนอภิปราย แต่เขาทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติในพรรคร่วมรัฐบาล ประชาธิปัตย์จะนั่งนิ่งดูดายได้ยังไง ต้องเตรียมข้อมูลและข้อบังคับการประชุมให้แม่น

วันนี้เราสู้กับฝ่ายค้านด้วยข้อบังคับการประชุม ถ้าฝ่ายค้านพูดเรื่องในอดีตมาก ไม่มีเนื้อหาสาระหรือเรื่องใหม่เลย มันก็วนเวียนซ้ำซาก ผิดข้อบังคับ เป็นนักการเมืองน้ำเน่า ด่าทอ ตีกินกัน ชาวบ้านด่า

“วันนี้อยากให้การเมืองสร้างสรรค์ สร้างการเมืองให้สวยงาม สร้างแรงศรัทธาให้กับเด็กและเยาวชน ให้เห็นว่าการเมืองเล่นแบบนี้ นักการเมืองไม่เกเรจนเกิดการปฏิวัติ”

ขึ้นตรงประธานยุทธศาสตร์พรรค

“เสี่ยเฮ้ง” มีชื่อ “ติดโผ” แคนดิเดต รมว.แรงงาน “ครม.ประยุทธ์ 2/1” ไม่กล้าที่จะคิดไกล หากทำหน้าที่องครักษ์ได้ดี-เข้าตา พล.อ.ประยุทธ์ โอกาสนั่งเก้าอี้เสนาบดีอาจจะมาถึง-ไม่ไกลเกินฝัน   

นายกรัฐมนตรีเป็นคนตัดสินใจ ผมไม่ได้คาดหวังไกลขนาดนั้น ผมหวังเพียงแต่วันนี้ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ในฐานะประธาน ส.ส.ให้ดีที่สุด เพื่อหล่อหลอมพรรคให้เป็นหนึ่ง ขึ้นตรงกับประธานยุทธศาสตร์ 4-5 ปี ต้องให้สลายหมด

“พรรคเหมือนเป็นโฮลดิ้ง มีบริษัทย่อย ผู้จัดการต้องบริหารบริษัทย่อยให้มีกำไร สุดท้ายต้องขึ้นตรงกับบริษัทแม่ ต้องฟังนโยบายบริษัทแม่ เราไม่มีก๊วน เป็นเรื่องปกติที่เราจะมีเพื่อน ทุกคนขึ้นตรงกับประธานยุทธศาสตร์”

“เสี่ยเฮ้ง” ปฏิเสธว่า การอยู่ “ก๊วนบิ๊กป้อม” ไม่ได้การันตีว่าจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี 100 เปอร์เซ็นต์ และทุกคนขึ้นตรงกับประธานยุทธศาสตร์พรรค

ไม่หรอก เรื่องนี้ไกลเกินฝัน วันนี้ให้โอกาสผมเป็นประธาน ส.ส. ดูแลฝ่ายนิติบัญญัติของพรรค และ
ถ้าวันหนึ่งผมได้รับโอกาสเป็นผู้บริหารถือว่าเป็นโอกาสที่ได้รับ แต่วันนั้นยังไม่มาถึง เป็นเรื่องที่ไกลเกินไปที่จะคิดวันนี้

“ที่ใครบอกว่า โอ้ย อยู่กับท่านประวิตร เดี๋ยวก็ได้เป็นรัฐมนตรี ไม่ใช่ นายกรัฐมนตรี คือ พล.อ.ประยุทธ์ คือคนพิจารณา ผมเองก็ไม่ได้คุยกับท่าน ผมอยู่แต่ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่เคยไปทำเนียบ ไม่เคยไปคุยกับท่าน”

บางท่านอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติจนเลิกเล่นการเมืองไปเลยก็มี เป็นเรื่องของโอกาสที่ได้รับมากกว่า บางท่านเป็นนักการเมืองอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติจนเลิกเล่นการเมือง หายไปจากสภาการเมืองเลย

วันหนึ่ง ผมไม่มีอะไรมาเลย อย่าไปคิดว่านักการเมืองต้องไปเป็นรัฐมนตรีอย่างเดียว ไม่ใช่ อยู่ที่ความเหมาะสมและโอกาสในวันนั้น ซึ่งจะได้รับหรือไม่ได้รับขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหาร

“บางคนไม่มีกลุ่ม ไม่ได้เป็น ส.ส. ก็เป็นรัฐมนตรีตั้งหลายท่าน เขามีความสามารถก็ได้เป็น หัวหน้าจังหวัดโน้น จังหวัดนี้ ที่ได้รับการยอมรับกันในภาคนั้น โซนนั้น ถ้าประชาชนยอมรับก็แสดงว่าเขามีความสามารถ”

เฮ้ง-แฮ้ง พันธมิตร-ไม่ใช่คู่แข่ง

แม้เขาจะยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐไม่มีกลุ่ม-ไม่มีก๊วน ทุกคนขึ้นตรง พล.อ.ประวิตร-สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แต่ภาพที่ปรากฏออกมาแต่ละกลุ่มเข้ากันหนัก-เล่นกันแรง โดยเฉพาะในช่วงฟอร์มรัฐบาล-ปรับโครงสร้างเปลี่ยนหัวหน้า-เลขาฯพรรค

“ไม่มีหรอกครับ จบแล้วครับ วันนั้นผมพยายาม soft ที่สุด ไม่ได้คือไม่ได้ เพราะนายกฯเป็นคนเซ็นรับรองแต่งตั้ง ถ้ามีโอกาสเป็นรัฐมนตรี ถ้าไม่ดีก็ต้องพิจารณาตัวเอง ไม่ต้องให้เขาปลดเราหรอก ถ้าทำไม่ได้จะอยู่ทำไม”

นั่งคุยกับพี่แฮ้ง (อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท) สนิทกัน แรก ๆ อาจจะจูนกันไม่ติด แต่เมื่อคบกันแล้ว เปิดใจ
เราต้องเป็นผู้เสียสละก่อน มีความยุติธรรมเพื่อให้พรรคเกิดความสามัคคี

ทุกองค์กรถ้าไม่มีความยุติธรรม ไม่มีวันเติบโตได้ ถ้าคนที่เป็นประธาน ส.ส. ประธานบริษัท มีความลำเอียงก็เติบโตไม่ได้หรอก แต่ทุกคนต้องเดินตามโรดแมปของประธานยุทธศาสตร์ มีแกน-ประธาน ส.ส.คอยรับนโยบาย

“พี่แฮ้งเป็นพี่นะ ผมเคารพรุ่นพี่ตลอด อาวุโสทางการเมือง วันหนึ่งถ้าเราจะเป็นอะไรสักอย่าง แล้วต้องมาทะเลาะกัน เราจะเป็นไปเพื่ออะไร ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าใครได้ ใครเหมาะสมในการได้รับโอกาสก็ยินดีด้วย คุยกันรู้เรื่อง”

“ใครว่าทะเลาะกัน ไม่มี เป็นเรื่องของบทบาทที่ได้รับมอบหมายมากกว่า และไทมิ่งทำให้มีชื่อเป็นรัฐมนตรีทั้งคู่ แต่ผมเฉย ผมนิ่ง แต่รู้จักกัน ลูกผู้ชายมองหน้าก็รู้แล้วใครคิดยังไง ใครเอาเปรียบ ใครเป็นพวก ใครจริงใจ ใครนักเลง”

ไม่มีใครสนับสนุนผมอยู่ข้างหลัง ทั้งพรรคขึ้นตรงกับ พล.อ.ประวิตร ลองถามดูซิ ใครไม่ขึ้นตรงกับ พล.อ.ประวิตรบ้าง ขึ้นตรงทุกคน เพราะขึ้นตรงกับ พล.อ.ประวิตร ก็เหมือนขึ้นตรงกับ พล.อ.ประยุทธ์

“ท่านนายกฯก็บริหารประเทศไปอย่างมีความสุข โดยประธานยุทธศาสตร์ดูแลข้างล่างพรรคให้สามัคคี เรียบร้อย ไม่แตกแยก ก็ลองดูการโหวตไม่ไว้วางใจ ทุกคนโหวตไปในทิศทางเดียวกันหมด”

ถอดหัวโขนพลังชล

อดีต ส.ส.ชลบุรี-บ้านใหญ่คุณปลื้ม ยอมรับว่า “กลุ่มพลังชล” ในพรรคพลังประชารัฐไม่มีแล้ว-มีแต่กลุ่มที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เขาจึงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโควตาพรรคพลังชล

ไม่มีแล้ว ทุกคนอยู่พลังประชารัฐ พรรคพลังชลไม่ส่ง ส.ส.ลงเลือกตั้ง ทุกคนย้ายมาอยู่พลังประชารัฐ ชอตแรก
เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ชอตที่สอง โควตาต่าง ๆ เป็นเรื่องของผู้ใหญ่จัดสรร

“ผมไม่ได้พูดแทนท่านหัวหน้าพรรค (สนธยา คุณปลื้ม) พรรคพลังชนท่านยังเก็บไว้อยู่ แต่ท่านไม่ได้ส่ง ส.ส.เท่านั้นเอง ผมพูดแทนไม่ได้ ผมไม่ได้มีอะไรผูกพันกับพลังชล ผมไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคพลังชล เป็น ส.ส.จังหวัดชลบุรีเท่านั้น”

วันนี้พลังประชารัฐให้โอกาสผมเป็นประธาน ส.ส. ท่าน พล.อ.ประวิตรให้โอกาสผม ผมก็ต้องทำตรงนี้ให้ดีที่สุด ในทางการเมือง พรรคเล็ก ๆ ไม่สามารถสนับสนุนใครเป็นนายกฯได้

ผมอยู่กับท่านนายกฯ ถ้าท่านอยู่พรรคไหน ผมก็อยู่พรรคนั้น พรรคพลังชลไม่สามารถเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯได้ ผมจะอยู่กับพรรคที่เสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯเท่านั้น

นายกฯมาจากแต้ม

“เสี่ยเฮ้ง” นักการเมืองกลางเก่า-กลางใหม่มองว่า การเมืองต้องมีกลุ่ม-ก๊วนไว้ต่อรอง เป็นการเมืองยุคโบราณ แต่ต้องยอมรับว่าการเป็นนายกฯ ต้องมาจากแต้ม ต้องให้ตามสัดส่วน ล้างไม่ได้หรอก การมีโควตา หรือกลุ่มก๊วน ไม่ได้แสดงว่าจะต้องเติบโตทางการเมือง ขึ้นอยู่กับว่าเป็นคนดี ตั้งใจทำงานให้ประเทศชาติบ้านเมืองหรือเปล่า เข้าไปคดโกงหรือเปล่า ถ้ามีผู้ใหญ่สนับสนุน แต่เป็นคนไม่ดี ก็ไม่มีประโยชน์

ในอดีตบางคนมีโอกาสเป็นรัฐมนตรี แต่ทำไม่ได้ ก็ดับลงไป หลุดจากวงโคจร วันนี้คนที่ได้รับโอกาสแล้วทำได้ เชื่อว่าจะไปต่อไป สมมุติมีโอกาสเป็นรัฐมนตรี มีบุญมีวาสนา ก็ต้องดูว่าทำได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องยอมรับสภาพ


“ดาวฤกษ์ที่ส่องแสงอาจจะดับวูบลงไปเลยก็ได้ แต่ถ้าเราทำได้ดี เราก็จะเติบโตในทางการเมืองได้ เป้าหมายเรา คือ ยึดถือความซื่อสัตย์สุจริต ไม่คอร์รัปชั่น ตรวจสอบได้ ไม่ให้ลูกหลานเราเอาปี๊บคลุมหัวเดิน”