ฝ่ายค้าน ผุดอีเวนต์ทั่วประเทศ เดินสายล้างบาป ‘มวยล้ม-เกาเหลา’

หลังเสียรังวัดพอสมควรในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 6 พรรคฝ่ายค้าน ต้องเปรอะไปด้วยข้อหา “มวยล้มต้มคนดู” ต้นเหตุจัดเวลาอภิปรายไม่ดี

ทำให้เวลาของฝ่ายค้านหมดก่อนที่จะซักฟอก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์
เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รอดการตรวจสอบแบบไร้รอยขีดข่วน

เพื่อไทยถูกกล่าวหาจากเพื่อนฝ่ายค้านอนาคตใหม่ว่า “หักหลังพวกเดียวกัน” เพราะเหตุแห่งการจัดสรรเวลาไม่ดี เสียเหลี่ยมให้กับวิปฝ่ายรัฐบาล จน ส.ส.อดีตอนาคตใหม่ ต้องชวดการอภิปรายถึง 3 คน    

หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ “เพื่อไทย-อดีตอนาคตใหม่” เคลียร์ใจกันลงตัว ขอโทษกันทั้งเบื้องหน้า-เบื้องหลัง

เพื่อไทย ในฐานะพรรคใหญ่ฝ่ายค้าน “เล่นใหญ่” ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ-คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 3 กระทง เอาผิดรัฐบาล-พล.อ.ประยุทธ์

1.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังพักบ้านหลวงนั้น ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่ และถ้าขัดรัฐธรรมนูญ จะทำให้สถานะรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่

ซึ่ง “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงนามส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เหลือคำตอบว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องไว้หรือไม่ 

2.ส่งให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบกรณีจัดซื้อจัดจ้างเครื่องยืนยันอัตลักษณ์บุคคลหรือเครื่องไบโอเมตริก ขอให้มีการตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์และผู้เกี่ยวข้อง  

3.ให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ กรณี พล.อ.ประยุทธ์ไม่เสียภาษีให้รัฐจากการขายที่ดินย่านบางบอน พล.อ.ประยุทธ์ไม่บังคับให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มบริษัท ฟิลิป มอร์ริส 

และ พล.อ.ประยุทธ์ที่มีพฤติการณ์อาจเกี่ยวข้องจัดซื้อรถหุ้มเกราะจากประเทศยูเครน 

นอกจากนี้ “น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวขบวนวิปฝ่ายค้าน เปิดโปรแกรมการเมืองของ “ฝ่ายค้าน” 6 พรรค ภายหลังปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า 

หน้าที่ของ ส.ส.ฝ่ายค้านแบ่งแยก 3 ภารกิจ ส่วนแรกแม้ว่าการประชุมสภาสมัยสามัญจะปิด แต่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ 35 คณะยังปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึง กมธ.วิสามัญศึกษาญัตติต่าง ๆ เช่น ญัตติศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ส.ส.ซีกฝ่ายค้าน รวมถึงเพื่อไทยต้องปฏิบัติภารกิจ 

อีกทั้ง เนื่องจากวันประชุมสภาผู้แทนราษฎร 2 วัน วันพุธและพฤหัสฯ ไม่มีการประชุม ดังนั้น ในส่วนของ ส.ส.นักการเมืองมีเวลาลงพื้นที่ประชาชนที่ที่รับผิดชอบ ถือเป็นภารกิจประจำที่ทำให้ ส.ส.มีเวลาอยู่กับประชาชนมากขึ้น และสะท้อนปัญหาได้มากขึ้น

ในส่วนฝ่ายบริหารของพรรค มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ที่มี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นประธาน จัดเวทีระดมสมอง เสวนา เช่น มีการเชิญ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี มาบรรยายเรื่องฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ 2020 อีเวนต์เรื่องรัฐธรรมนูญ นำเอานักวิชาการ ผู้เกี่ยวข้องมาแสดงความเห็น อีเวนต์ต่อจากนี้ เป็นเรื่องการฝ่าวิกฤตโควิด-19

อีกทั้ง “คุณหญิงสุดารัตน์” ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ลงพื้นที่เผชิญปัญหาเร่งด่วน ลงพื้นที่
จ.นครพนม ดูกระบวนการวิธีการปรับปรุงแก้ไขปัญหาเรื่องภัยแล้ง ดำเนินการเรื่องธนาคารน้ำ ซึ่งอีเวนต์แบบนี้ลงไปตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“น.อ.อนุดิษฐ์” กล่าวว่า ส่วนคณะกรรมการบริหารพรรค นำโดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค จะมีโปรแกรมลงพื้นที่พบปะกับ ส.ส.ในแต่ละจังหวัด กลุ่มจังหวัด รับฟังการสะท้อนปัญหาจาก ส.ส. ประชาชน เยี่ยมเยือนในฐานะฝ่ายบริหาร ทุกภาค จะทยอยปฏิบัติตามปฏิทิน

ภารกิจที่ 2 ในส่วนของพรรคร่วม 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน คณะทำงานที่มี พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ เป็นประธาน จะมีการจัดเสวนานำปัญหา เรื่องราวต่าง ๆ ที่สงสัย นำความเคลือบแคลงของสังคม เรื่องที่ยังเป็นปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข หรือสะท้อนความผิดภาพการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล จะเสนอข้อเท็จจริงต่าง ๆ เช่น เวทีที่ซักฟอกนอกสภา ครั้งที่ 1 เรื่อง “แฉกระบวนการ IO ฉีกหน้ากากขบวนการเพิ่มความขัดแย้ง” ซึ่งจะมีเวทีลักษณะเช่นนี้ต่อไป

ส่วนความไม่ลงรอยด้านการบริหารงานในพรรคเพื่อไทย-ฝ่ายค้าน ที่ปรากฏชัดช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น
“น.อ.อนุดิษฐ์” บอกว่า “ผู้บริหารพรรครับฟังข้อเสนอแนะมาเป็นที่เรียบร้อย คิดว่าในโอกาสที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งหน้า ในส่วนที่เป็นข้อขัดข้อง ข้อเสนอแนะต่าง ๆ จะปรับปรุงวิธีการทำงาน เพื่อให้การอภิปรายเกิดขึ้นในครั้งต่อไปไม่เกิดความขัดข้องอีก 

ย้อนกลับไปช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ “พรรคเพื่อไทย” เป็นฝ่ายค้านครั้งแรก มีการตั้ง “คณะกรรมการ
ปราบโกง” ซึ่งมี น.อ.อนุดิษฐ์เป็นผู้รับผิดชอบ หนึ่งใน “ผลงานเด่น” ครั้งนั้นคือ การเปิดโปงการรุกที่ดินเขาแพง โยงไปถึง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกฯ ผู้จัดการรัฐบาลในขณะนั้น

การตรวจสอบโดยฝ่ายค้าน “คณะปราบโกง” ยังมี “บทบาท” อยู่หรือไม่ “น.อ.อนุดิษฐ์” กล่าวว่า ภายหลังมีการปรับโครงสร้างพรรค พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ อดีตหัวหน้าพรรค ได้รับผิดชอบและดำเนินการอยู่ ซึ่งปัจจุบัน พล.ต.ท.วิโรจน์เป็นที่ปรึกษาของ กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็นประธาน นอกจากนี้ การตรวจสอบรัฐบาลนั้น พรรคเพื่อไทย มี ส.ส.ในสภา ตรวจสอบถ่วงดุลโดยตรงอยู่แล้ว

“เรามี ส.ส.ที่รับผิดชอบ ทำหน้าที่ไม่เป็นประธาน ก็เป็นรองประธาน กมธ. ครบ 35 คณะ จึงใช้กระบวนการ
ตรวจสอบในสภาผู้แทนราษฎร”


ฝ่ายค้านปรับขบวนเดิน 3 ขา ใน-นอกสภา ลงพื้นที่กระชับความสัมพันธ์ในหมู่ฝ่ายค้านด้วยกัน
แก้ครหา “มวยล้มต้มคนดู”