“บิ๊กตู่” พบ “ทรัมป์” เจรจาเศรษฐกิจ-การเมืองโลก

วาระทางเศรษฐกิจ-การเมือง-การทหาร “ระดับโลก” ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คือ การเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐราวต้นเดือนตุลาคม หรือ 3-5 ตุลาคม 2560 หากไม่มี “โรคเลื่อน”

ทันทีที่กลับมาจากการประชุม “ครม.สัญจร” พล.อ.ประยุทธ์-คณะเตรียมการ ที่มี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เป็น “หัวขบวน” เรียกรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ-ต่างประเทศและผู้บัญชาการทหารบก-พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ประชุมด่วนทันทีบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อซักซ้อม-ตั้งการ์ดสูง การเดินทางไปเยือนสหรัฐ ที่มีประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ชื่อ “ทรัมป์” ซึ่งสร้างวีรกรรมกระฉ่อนไปทั่วโลก จนทำให้หลายประเทศ “ส่ายหน้า” กับความ “เขี้ยวลากดิน” ของพญาอินทรีคนปัจจุบัน

ครั้งนี้ รัฐบาล-คณะเตรียมการจึง “รัดกุม” ที่สุด เพื่อ “ตั้งรับ” สารพัด “ข้อกังขา” ของสหรัฐ ที่มีต่อรัฐบาล-คสช. ไม่ใช่เรื่องรัฐบาลที่มีที่มาจากอำนาจพิเศษ หรือวันเลือกตั้งเพื่อกลับคืนสู่ประชาธิปไตยเท่านั้น

สารพัดข้อแก้ต่าง-แก้ตัว ทั้งที่เป็นตัวเลข-เชิงประจักษ์ กฎหมาย-ข้อจำกัดระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์อันดี-แนบแน่นกว่า 184 ปีไทย-สหรัฐ จึงจะถูกงัดขึ้นมาวางบนโต๊ะจากทำเนียบรัฐบาลสู่ทำเนียบขาวทั้งเรื่องบัญชีเกินดุลทางการค้าของไทยที่มีต่อสหรัฐ ในปี 2559 ราว 1.89 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถูกสหรัฐขึ้นบัญชีประเทศได้ดุลการค้ามากเป็นอันดับที่ 11 ของโลก

จนสมาคมผู้เลี้ยงหมูยื่นหนังสือคัดค้านกระทรวงพาณิชย์ในการนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐรวมถึงมาตรการลดดอกเบี้ยนโยบายทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัว ส่งผลให้การส่งออกเป็นบวก

การเดินทางไปครั้งนี้จึงคาดว่าจะมีการหารือกันในกรอบการค้าภายใต้ความตกลงการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐ (Trade and Investment Framework Agreement Joint Council : TIFA JC) กรอบการหารือการขึ้นบัญชีประเทศไทยเป็นประเทศที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) มาตรา 301 การหารือปัญหาค้ามนุษย์-TIP Report

ก่อนหน้านี้เดือนพฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ สั่ง “กวาดล้าง” สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์แหล่งช็อปปิ้งย่านกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัดตามแนวชายแดนเข้มข้น ภายใน 3 เดือน ทั้งเรื่องการซื้อ-ขายอาวุธ ซึ่งถูกสหรัฐมองว่าในยุครัฐบาล-คสช.ซื้ออาวุธของประเทศจีนมากกว่าสหรัฐ โดยเฉพาะการซื้อเรือดำน้ำสัญชาติจีน รุ่น Yuan Class S26T จำนวน 1 ลำ วงเงิน 1.35 หมื่นล้านบาท ภายใต้ “ออปชั่นพิเศษ” ข้ามรัฐบาล ซื้ออีก 2 ลำ รวม 3.6 หมื่นล้านบาท

ทั้งเรื่องการโน้มน้าวให้รัฐบาลไทย “ยืนข้าง” รัฐบาลจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. “คว่ำบาตร” เกาหลีเหนือ และความสัมพันธ์กับมหามิตรอย่างจีน-คู่แข่งศึกชิงมหาอำนาจโลกอย่างดูดดื่ม