จดหมายผิดซอง เบื้องหลังใบลาออก นักการเมืองในพลังประชารัฐ

สัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน 2563 ช่วงที่รัฐบาลเตรียม “ผ่อนคลายล็อกดาวน์” จากการรัดรุมของ “ไวรัสโควิด”

อีกฝั่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เดือดปุด ๆ

เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่รัวหมัดกันในหม้อน้ำเดือด

ภายใต้เสียงนกหวีดที่อ้างว่าเป่ามาจากปาก “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี-ประธานยุทธศาสตร์พรรค

ครึกโครม-ชัดเจนระดับ “คำสั่ง” ให้หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน “นายอุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรค-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เขียน “ใบลาออก”

ควบคู่ใบสั่ง-ให้ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ลุกออกจากเก้าอี้ เลขาธิการพรรค-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

หวัง “ล้างไพ่” ทั้งในสำนักกรรมการบริหารพรรค และในคณะรัฐมนตรี

พร้อมๆ กับจุดพลุให้ทุกก๊ก ในกรรมการบริหาร 34 คน ให้ลงลายมือชื่อใน “ใบลาออก”

เพื่อรวบรวมให้ได้เกินกึ่งหนึ่ง ของ 34 คน แล้วนำไป หงายเป็น “ไพ่ตาย” ในวงประชุมพรรค เดือนมิถุนายน ที่จะถึงนี้

แม้ข้อบังคับพรรค ซึ่งเคยเป็น “ไพ่ตาย” ของฝ่าย “ทีมสมคิด” ในการประชุมพรรครอบที่แล้ว ที่ทำให้แผนยึดพรรคของค่าย “บิ๊กป้อม” ต้องล่มกลางคัน

ระบุว่ามัดไว้ 3 ข้อ ว่า 1.กรรมการบริหารพรรคทั้งคณะจะพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ ครบวาระการดำรงตำแหน่ง “ตามข้อบังคับ 4 ปี”

  1. กรรมการบริหารพรรคสิ้นสุดลงเมื่อ ตาย-ลาออก, ขาดจากสมาชิกภาพ
  2. กรรมการบริหาร “ว่างลง” เกินกว่ากึ่งหนึ่ง ให้เลือกกรรมการบริหารใหม่ภายใน 45 วัน

ด้วยนัยดังกล่าวนี้ ทำให้ฝ่ายเสธ.ลูกทีม “บิ๊กป้อม” ต้องออกตัวแรงแต่หัววัน ปฏิบัติการย้อนศร “ทีมสมคิด” ด้วยหวังว่าถ้ามี “ใบลาออก” เกินกึ่งหนึ่ง จะบีบให้ “หัวหน้า+เลขาธิการพรรค” ลาออก ต้องเปลี่ยนโครงสร้างยกกระบิ โดยไม่ต้องรอชะเง้อถึง 4 ปี

จึงมีการนัดชุมนุมกรรมการบริหาร มังกรการเมือง-หัวแข็ง-หัวอ่อน คละก๊ก แล้วสรุปมติให้ “เขียนใบลาออก” เพื่อให้กรรมการบริหารเหลือไม่ถึงกึ่งหนึ่ง หวัง “ยึดอำนาจ” จากก๊กสมคิด+สี่กุมาร แบบเงียบๆ

แต่แล้วเพียงชั่วข้ามคืน เหตุการณ์กลับตาลปัตร

เมื่อใบลาออกมาไม่ครบ-ตามนัด

ที่เขียนแล้วไม่ยื่น-ที่ยื่นไม่ได้ลงนาม กลายเป็นเรื่อง “ตกกระไดพลอยโจน”

เมื่อทั้งข่าวลือ-ข่าวปล่อย-ข่าวลวง แบบ “แหล่งข่าวกล่าวว่า” แพร่สะพัดทั่วทั้งพระนคร

สวนกระแสผู้คนเดือดร้อน-อดอยาก จากพิษโควิดถ้วนหน้า

เรื่องถึงหู “บิ๊กตู่” บันไดทำเนียบร้อนระอุ ยามบ่ายกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมๆ กับเสียงที่ก้องออกจากตึกไทยคู่ฟ้าว่า “ยังไม่ใช่เวลาการเมือง”

บรรดากรรมการบริหารพรรค “นกรู้” จึงถอนมือออกจากจดหมาย “ลาออก”

เลือนไปพร้อมๆ กับข่าวยึดพรรคล่ม-รอบสอง

“สันติ พร้อมพัฒน์” แกนนำกลุ่มเพชรบูรณ์-รัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงการคลัง รอเก้อขึ้นตั่ง “เลขาธิการพรรค”

“นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี วืดโผ “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง”

ลายเซ็นต์ในจดหมายลาออกของ “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” กลายเป็นจดหมายผิดซอง ยื่นไม่ถึงมือผู้รับ

“อนุชา นาคาศัย” ส.ส.ชัยนาท-กลุ่มสามมิตร รองประธานยุทธศาสตร์พรรค กลายเป็นแค่ “รัฐมนตรีในโผใต้ดิน”

สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี – ประธาน ส.ส. ต้องชะลอแผนรุก-รอคิวนัดกินอาหารคาวมื้อค่ำหลังเคอร์ฟิว

พลเอก “อ.” หรือเสธ.อ้น  พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชา ส.ว.สายทหารเสือราชินี – น้องรัก “พล.อ.ประวิตร”  กลับที่ตั้งชั่วคราว

ศึกใหญ่จะเกิดอีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายน 2563

พร้อมๆ กับเกมปรับคณะรัฐมนตรี วาระทำงานครบ 1 ปีของรัฐบาล ในเดือนกรกฏาคม 2563

ก๊กที่นั่งบนภูดูหมูกัดกัน อดอมยิ้มไม่ได้ คงไม่พ้นกลุ่ม “กปปส.-กทม.” และพี่ใหญ่ขาเก๋า อย่าง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” กับ “สมศักดิ์ เทพสุทิน”