เพื่อไทยขายแบรนด์ “ทักษิณ” ลูกหาบ “นายใหญ่” ยังได้คะแนน

ท่ามกลางไวรัสโควิด-19 แต่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้มากบารมีในพรรคเพื่อไทย ยังแหวกกระแสขึ้นมาเป็นพาดหัวข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์ และติดในโผข่าวเด่นเกือบทุกเว็บไซต์

ทั้งแจกเจลแอลกอฮอล์ 1 แสนขวด ให้กับชาวบ้านผ่าน ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย

และการเป็นเจ้าภาพงานสวดพระอภิธรรมผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพิษไวรัสโควิด-19 ที่ได้รับผลกระทบจาก การเยียวยาจากรัฐบาล

ทั้งที่ก่อนหน้าโควิด-19 ระบาด “ทักษิณ” เงียบหายไปพักใหญ่ หมอบราบทางการเมือง หลังบุตรชายคนโต “พานทองแท้ ชินวัตร” ต้องขึ้น-ลงศาลในคดีฟอกเงินกรุงไทย

เมื่อกระแสทักษิณกลับมาอีกครั้งในวิกฤตโควิด-19 จึงมีคำถามว่าในมุม ส.ส.ลูกหาบเพื่อไทย ยังจำเป็นต้องพึ่งบารมี “นายใหญ่” หาคะแนนเสียงอยู่หรือไม่ แบรนดิ้งทักษิณยังแข็งแกร่งแค่ไหน ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน

“น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอให้แยกคนละส่วนระหว่าง “การเมือง” กับ “การช่วยเหลือคน”

“ในภาวะวิกฤตที่ประชาชนทั้งประเทศเดือดร้อน โดยเฉพาะวิกฤตโควิดที่ทุกคนต้องการอุปกรณ์พื้นฐานป้องกันตัวทั้งหน้ากากและเจลแอลกอฮอล์ คนไทยที่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลือ ก็ตอบแทนสังคมทั้งสิ้น ท่านทักษิณก็เป็นเหมือนคนไทยคนหนึ่ง แต่เป็นอดีตนายกฯ เมื่อช่วยเหลือสังคมจึงเป็นข่าวเท่านั้น ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องการเมือง นายกฯทักษิณเป็นหนึ่งในคนใจบุญจำนวนเยอะแยะมากมาย ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องยุทธศาสตร์ทางการเมือง”

แต่เมื่อถามว่าถ้าตัดเรื่อง “โควิด-19” ออกไป เพื่อไทยยังจำเป็นต้องใช้ชื่อทักษิณเป็นใบเบิกทางหรือไม่ พ่อบ้านเพื่อไทย ยกตัวบทกฎหมายบอกว่า “ทักษิณ” แตะการทำงานของพรรคไม่ได้

“เพื่อไทยจะทำกิจกรรมทางการเมืองใดก็แล้วแต่ เราต้องดำเนินตามกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งมีความชัดเจนอยู่แล้วว่า ห้ามคนที่ไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค ครอบงำ หรือยุ่งเกี่ยวกิจกรรมของพรรคการเมือง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่บังคับใช้เฉพาะนายกฯ ทักษิณ แต่บังคับใช้กับทุกคนที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค เข้ามาดำเนินการในเรื่องครอบงำ ยุ่งเกี่ยวกิจการพรรคทำไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้น จึงมองข้ามไปได้เลย เพราะทำไม่ได้ด้วยกฎหมายอยู่แล้ว”

อย่างไรก็ตาม ส.ส.ตัวกลั่น มือใต้ดิน “ทักษิณ” อย่าง “วัฒนา เมืองสุข” อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อเพื่อไทย ยืนยันว่า “แบรนดิ้ง” ทักษิณยังขายได้ในระดับพื้นที่ เพราะประชาชนยังคิดถึง “ทักษิณ” แน่นอน ยิ่งในสภาวะประเทศเป็นแบบนี้ ถ้ายังอยู่ประเทศไม่ลำบากแบบนี้

“คนอายุ 40 ปีขึ้นไปยังคิดถึงคุณทักษิณ ซึ่งพรรคที่อยู่ในเครือข่ายคุณทักษิณเป็นรัฐบาล ทำให้เศรษฐกิจจะดีโดยตลอด เพราะมีความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ แต่ในช่วงประเทศชาติลำบาก คนจะคิดถึงมากเป็นพิเศษ ยิ่งวิกฤต คนยิ่งนึกถึง ด้วยภาวะความเป็นผู้นำ แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ต่างจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แก้ปัญหาหนึ่งเพื่อไปสร้างปัญหาหนึ่ง ออกคำสั่งแบบทหาร”

แต่สำหรับ “นักการเมือง” พวกเราไม่ได้อ้างคุณทักษิณแล้ว เพราะแนวคิดหรือนโยบายทางเศรษฐกิจ แก้ปัญหาโดยใช้แนวคิด เพราะคนที่มีความเป็นผู้นำสูง ๆ แบบคุณทักษิณคงไม่มีแล้ว แต่เพื่อไทยทำในลักษณะเป็น “นโยบาย” มี “คณะทำงาน” ถ้านโยบายที่ถูก แต่ผู้นำไม่ต้องมีความเป็นผู้นำสูงเหมือนคุณทักษิณ ก็พาประเทศไปได้

“แต่พรรคเพื่อไทยเอาคุณทักษิณไปขายไม่ได้แล้ว เพราะเรื่องนโยบายต้องขับเคลื่อนเป็นหมู่คณะ”

ทั้ง “น.อ.อนุดิษฐ์-วัฒนา” มองทิศทาง-กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อไทยภาพใหญ่ ที่ติดล็อกทั้ง “กฎหมู่” และ “กฎหมาย” ไม่อาจใช้ชื่อ “ทักษิณ” เป็นใบเบิกทางทางการเมืองได้เพียว ๆ อีกต่อไป

แต่ในระดับพื้นที่ “สมคิด เชื้อคง” ส.ส.อุบลราชธานี ในฐานะคนที่นำเจลแอลกอฮอล์ “ทักษิณ” ไปแจกทั่วสารทิศ ชี้ให้เห็นความต่าง

“คนภาคอีสานและคนทั่วไปยังให้ความสำคัญคนชื่อทักษิณอยู่ เพราะสิ่งที่ทำให้กับคนไทยนั้นไม่ลืม เหมือนยุคประชาธิปไตยที่กินได้ต่างกับยุคปัจจุบัน คนจึงยังระลึกถึงอยู่ ถ้ามีการเลือกตั้ง ขับเคลื่อนบทบาททางการเมืองต่าง ๆ ถ้ายังทำในนาม ‘ทักษิณ’ ก็ยังมีคะแนนอยู่”

“แต่ความที่ท่านทักษิณไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้เลย ทางการเมืองถ้าเขายังทำกิจกรรมทางการเมืองได้ ไม่มีใครสู้ได้ แต่ท่านก็อายุมากแล้ว เงียบ ๆ ไปเยอะ แม้ว่าตอนหาเสียงจะไม่ ‘ขาย’ ชื่อทักษิณ แต่ใครก็รู้ว่านโยบายเพื่อไทย ต่อยอดจากนโยบายของไทยรักไทย และคุณทักษิณยังได้คะแนน”

“ชวลิต วิชยสุทธิ์” ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ตัวแทนอีสานเหนือ กล่าวว่า “ลงพื้นที่ชาวบ้านบอกว่าคิดถึงทักษิณ อันนี้ไม่ได้พูดเล่น ไม่ได้ไปชี้นำเขา แบรนดิ้งคุณทักษิณไม่หายไปจากพื้นที่”

“สติธร ธนานิธิโชติ” ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย นักสถิติการเมือง วิเคราะห์ว่า ชื่อ “ทักษิณ” ขายได้ แต่ขายได้กับคนที่เกิดทันยุค “ทักษิณ” และรู้สึกว่าได้ประโยชน์กับนโยบาย ส่วน voter ที่เกิดไม่ทันก็คงขายไม่ออก ยกเว้นจะต้อง “โชว์ของ” ถ้าโชว์ของช่วงโควิดแล้วคนบอกว่า “เจ๋ง” ก็ขายได้ แต่ถ้า “เพื่อไทย” ใช้ยุทธศาสตร์ “แม่ทัพทักษิณ” นำทัพ สร้างเพื่อไทยขึ้นมาใหม่บนฐานคนรุ่นใหม่คงไม่ง่าย เว้นแต่ใช้ยี่ห้อ “ทักษิณ” สู้กับการแจกเงิน แจกทองของฝ่ายตรงข้ามยังพอไหว

“อยู่ ๆ ขายแต่ชื่อไม่ได้แล้วต้องมีของ สมมุติการเมืองแบบต้องเลือกตั้งกัน ฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลพลังประชารัฐ คือ พรรคก้าวไกล อนาคตใหม่เดิม ถ้าการเมืองไม่มีอะไรเปลี่ยน ก้าวไกลมากับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นนายกฯไม่ได้ ขณะที่ฝั่งเพื่อไทยมีทักษิณที่เป็นนายกฯ ไม่ได้เหมือนกัน การส่งแคนดิเดตนายกฯ ใครมาอาจเป็นตัวแปรหนึ่ง หรืออีกทางถ้าเลือกก้าวไกลได้ธนาธร เลือกเพื่อไทยได้ทักษิณ สู้รสนิยมทางการเมืองล้วน ๆ คนที่มากับอนาคตใหม่รอบที่แล้วก็ไปกับก้าวไกล ส่วนคนที่เลือกเพื่อไทยก็ยังไปกับเพื่อไทยต่อ ทักษิณยังเป็นตัวช่วยไม่ให้คนของเพื่อไทยเลือดไหล แม้อาจจะดึงกลับจากก้าวไกลยาก แต่ดึงจากฝั่งตรงข้ามพลังประชารัฐยังพอไหว”

กลางภาวะโควิด ชื่อ “ทักษิณ” กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง