“วรเจตน์” ลาออก คกก.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ทันทีหลัง ครม. แต่งตั้ง

‘ศ.ดร.วรเจตน์’ ส่งหนังสือลาออกซึ่งมีผลวันเดียวกัน หลังจาก ครม. มีมติแต่งตั้งเป็น 1 ใน “กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ” ในคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.)

ศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ แจ้งลาออกจากตำแหน่ง กรรมการวิธีปฎิบัติราชการทางปกครอง โดยระบุว่าตนไม่ทราบถึงการเปลี่ยนตัวประธานกรรมการ และเชื่อว่าไม่อาจทำงานร่วมกันได้ราบรื่น โดยให้การลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป ตามรายงานของ มติชน ซึ่งอ้างอิงหนังสือของ ศ.ดร.วรเจตน์ ถึง เลขาธิการคระกรรมการกฤษฎีกา

“ข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่าได้มีการเปลี่ยนตัวบุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ประกอบกับข้าพเจ้ามีปัญหาขัดแย้งกับผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการ ซึ่งอาจส่งผลทำให้การทำงานร่วมกันไม่อาจเป็นไปได้อย่างราบรื่น” เอกสารดังกล่าวระบุ

ศ.ดร.วรเจตน์ ยังได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในจดหมายฉบับดังกล่าว ที่พยายามผลักดันให้ตนเข้ารับตำแหน่งเพื่อช่วยเหลืองานของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ “ขอให้ความตั้งใจของสำนักงานฯ ในการสร้างและพัฒนาหลักกฎหมายวิธีพิจารณาทางปกครองให้เจริญทัดเทียมอารยประเทศเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติราชการและเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนบรรลุผลสำเร็จ”

รายชื่อคณะกรรมการวิธีปฎิบัติราชการทางปกครอง

ทั้งนี้ รายชื่อของคณะกรรมการวิธีปฎิบัติราชการทางปกครอง ที่ได้รับการแต่งตั้งโดย ครม. เมื่อวานนี้ ประกอบด้วย:

  1. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมการ
  2. นายนันทวัฒน์ บรมานันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
  3. นายนิพนธ์ ฮะกีมี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
  4. นายบุญอนันต์ วรรณพานิชย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
  5. นายประสงค์ วินัยแพทย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
  6. นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
  7. นายฤทัย หงส์สิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
  8. นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
  9. นายอธิคม อินทุภูติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
  10. นายเอกบุญ วงศ์สวัสดิ์กุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

อาจารย์ มธ. วิจารณ์ความเหมาะสม

การแต่งตั้งดังกล่าว ยังทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ โดย ผศ.อานนท์ มาเม้า ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกฎหมาย ม.ธรรมศาสตร์ ได้แสดงความไม่เห็นด้วยผ่านข้อความเฟซบุ๊ก ถึงความไม่เหมาะสมในการแต่งตั้งครั้งนี้

ADVERTISMENT

ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกฎหมาย ม.ธรรมศาสตร์ ระบุว่า หนึ่งในเหตุผลที่มองว่าไม่เหมาะสมนั้น เป็นเพราะมีลักษณะขัดกันในตำแหน่งหน้าที่ โดยอธิบายว่า “เนื่องจากผู้พิพากษาตุลาการมีบทบาทในการตัดสินคดี การเชิญผู้พิพากษาตุลาการเข้าร่วมงานในฟากกิจการปกครองบ้านเมือง” ทำให้ผู้บุคคลเหล่านี้มี บทบาทที่ขัดกัน ได้แก่ “บทบาทเดิมของผู้พิพากษาตุลาการที่ต้องทำหน้าที่ในการตัดสินคดี” และ “บทบาทของการเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการชี้แนวทางการปฏิบัติราชการทางปกครอง”

“ลองคิดภาพจากจุดเล็ก ๆ ก็ได้ครับว่า ถ้าชาวบ้านมีเรื่องกับกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับคำสั่งทางปกครอง คณะกรรมการชุดนี้ชี้ว่ากระทรวงมหาดไทยมีอำนาจทำเช่นนั้น กระทรวงมหาดไทยตีปีก ชาวบ้านจึงนำเรื่องไปฟ้องศาลปกครอง แล้วทีนี้เขาจะรู้สึกอย่างไร ลองจิตนาการเป็นตัวเขาดู” เขียนผ่านเฟซบุ๊ก

“หรือลองคิดในภาพจากจุดใหญ่ ๆ ว่า วันนี้ ผู้พิพากษาตุลาการเข้ามามีบทบาทในฟากบริหารบ้านเมือง ถ้าเรายอมรับหลักการนี้ได้ ต่อไปเราคงเห็นการเข้ามาดำรงตำแหน่งทำนองเดียวกันเกลื่อนไปหมดก็ได้ เช่น มาเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย หรือกรรมการในหน่วยงานอื่น ๆ”

https://www.facebook.com/arnon.mamout/posts/10219929613182402