“กรณ์” ไม่รู้จัก “นฤมล” หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ชี้ประชาชนเดือดร้อนสาหัส

วันที่ 30 มิถุนายน 2563 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาสำคัญ หนักหนาสาหัสมาก ทีมเศรษฐกิจจึงมีหน้าที่สำคัญที่จะต้องเร่งดำเนินการแก้ไข

“พรรคกล้าตั้งข้อสังเกตมาโดยตลอดว่า ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อยยังรอความช่วยเหลือ กำลังซื้อยังไม่มี นักท่องเที่ยวยังไม่กลับมา ปัญหาเศรษฐกิจจึงเป็นปัญหาใหญ่”

นักข่าวถามว่าหน้าตาคนที่มีชื่อเป็นรัฐมนตรีที่ออกมาฝากความหวังได้มากน้อยแค่ไหน นายกรณ์กล่าวว่า ผมก็หวังว่า ใครที่เข้ามาดูแลเศรษฐกิจมีนโยบายที่ตอบโจทย์ปัญหาของประชาชน มีความตั้งใจในการทำงาน ขอเป็นกำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ที่มาทำงานนี้ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นชีวิตและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทย

ถามว่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่มีชื่อเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล เชื่อมือได้หรือไม่ นายกรณ์กล่าวว่า ผมขอไม่แสดงความเห็น เพราะไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว

ถามว่า มองการปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจขณะนี้เหมาะสมหรือไม่ นายกรณ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะพิจารณา เป็นเรื่องของท่านนายกฯ จะพิจารณาตามความเหมาะสม ตนไม่ขอก้าวก่ายประเด็นนี้

ถามว่าควรปรับทีมเศรษฐกิจใหม่หรือไม่ นายกรณ์กล่าวย้ำว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลและท่านนายกฯ เป็นสิทธิและหน้าที่ของท่านที่จะพิจารณาตามความเหมาะสม จะยังไงก็ได้ แต่ขอให้มีนโยบายที่ตอบโจทย์ประเด็นปัญหาของบ้านเมือง และทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้น

“ตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนสาหัสมาก ไม่ว่าจะเป็นประชาชนระดับรากหญ้า คนชั้นกลาง ทุกคนเดือดร้อนหมด เพราะฉะนั้นนโยบายต้องเร็วและแรง ตรงต่อเป้าหมาย ขอเป็นกำลังใจ”

เมื่อถามว่า พรรคกล้าเป็นพันธมิตรกับทุกพรรคใช่หรือไม่ นายกรณ์กล่าวว่า ใช่ครับ

“การเมืองไม่ควรมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก การทำงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชน อะไรที่ดีก็ควรสนับสนุน อะไรไม่ดีก็พูดกันตามตรง เป็นความหมายของการทำงานอย่างตรงไปตรงมาของพรรคกล้า พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายที่มีแนวคิดและอุดมการณ์เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง”

เมื่อถามว่า มีข้อเสนอของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีให้ยุบสภาเหมือนประเทศสิงคโปร์ หรือ สิงคโปร์โมเดล เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ นายกรณ์ส่ายหัวและกล่าวว่า เป็นสิงคโปร์โมเดลไปแล้วเหรอ

“เรามีหน้าที่ทำพรรคกล้าให้เป็นทางเลือกหลักให้กับพี่น้องประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งในอนาคต การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็แล้วแต่ เราต้องพร้อม เรายืนยันได้ว่า ภายใน 1 เดือน เราจะมีสาขาครบทั้ง 4 ภาค ภายใน 6 เดือน เราจะมีตัวแทนเขต 350 เขตทั่วประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกหลักให้กับประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็แล้วแต่”

ถามย้ำว่า การยุบสภาจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นหรือไม่ นายกรณ์กล่าวว่า เศรษฐกิจจะดีขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการทำงาน ขึ้นอยู่กับนโยบายที่เหมาะสมและถูกต้อง และภาวะเศรษฐกิจของคู่ค้าของเราด้วย มีหลายปัจจัย

“แต่ที่แน่นอน คือ เราต้องพึ่งพาคนที่รู้จริง รู้ลึก คนที่เป็นมืออาชีพ คนที่พร้อมที่จะทุ่มเทในการแก้ปัญหา”

เมื่อถามว่า การต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะกระทบเศรษฐกิจหรือไม่ นายกรณ์กล่าวว่า รัฐบาลต้องชี้แจงว่า เหตุผลและความจำเป็นในการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป และใช้วิจารณญาณกันเองว่า สมเหตุสมผลหรือไม่

“พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ควรใช้ในกรณีที่ไม่จำเป็น แต่ถ้าถามวันนี้เลยว่ามีผลต่อความเชื่อมั่นหรือไม่ หรือเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่ ผมมองว่ามีปัจจัยอื่นอีกมากที่มีผลต่อความเชื่อมั่น ซึ่งส่วนใหญ่มีผลกระทบกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกด้วย จากโควิด-19 ทำให้การค้าและการขายไม่คล่องตัว ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวชะงักงัน และไม่มีแนวโน้มชัดเจนว่าจะดีขึ้นกลับมาสู่ภาวะปกติได้เมื่อไหร่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบกับเศรษฐกิจขณะนี้”

นายกรณ์ย้ำว่า ปัญหาโควิด-19 ขณะนี้เป็นปัญหาใหญ่ต่อเศรษฐกิจของเรา

เมื่อถามว่า งบปี 64 ที่จะออกมาตอบโจทย์การแก้ปัญหาโควิด-19 อย่างไร นายกรณ์กล่าวว่า ขณะนี้มีงบประมาณ 3 ก้อน ที่จะออกมา 1.งบกลางปี 63 2..เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท และ 3.งบปี 64


“ต้องใช้อย่างชาญฉลาด ทันต่อเหตุการณ์ หลายโครงการประชาชนมีสิทธิ์ตั้งคำถามว่า จะมีผลต่อการแก้ปัญหาของประชาชนได้จริงหรือ ในสภาวะที่โลกเปลี่ยนไปมาก อย่างไรก็ตามยังมีเวลา ควรคิดให้ได้ การใช้เงินกรณีพิเศษ หรือ พ.ร.ก.กู้เงิน ตอบโจทย์ปัญหาประชาชนหรือไม่ เช่น การขาดรายได้ ของประชาชนและผู้ประกอบการขนาดเล็ก ทุกนโยบายต้องตั้งคำถามว่า โครงการที่รออนุมัติตอบโจทย์หรือไม่ มีวิธีการใช้เงินภาษี หรือเงินกู้ ตรงจุดกว่านี้หรือไม่ ซึ่งรัฐบาลก็ต้องรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์”