พลังประชารัฐ แตกหัก ส.ส.อ้างนอมินีนักธุรกิจใหญ่รุมไล่ “ทีมสมคิด”

พลังประชารัฐ เดือดไม่หยุด ส.ส.อ้างนอมินีนักธุรกิจใหญ่รุมไล่ “ทีมสมคิด”

พรรคพลังประชารัฐ แตกหัก กลุ่ม ส.ส. รัฐมนตรี แต่ละก๊ก เปิดสงครามนอมินีของยักษ์ธุรกิจ รุมไล่ “ทีมสมคิด”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อวานนี้ (30 มิถุนายน 2563) มีการกล่าวถึงกระแสข่าว การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และถกกันในวาระที่จะให้ทีมเศรษฐกิจ ทีมใหม่ ที่จะเข้ามาแทนที่กลุ่มของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษากรรมการบริหารชุดเก่า หรือ “กลุ่ม 4 กุมาร” กันอย่างเผ็ดร้อน

คีย์เวิร์ดที่บรรดา ส.ส. และกลุ่มการเมือง ที่สังกัดเครือข่าย “สามมิตร” และกลุ่มแกนนำอื่นๆ ต่างอภิปรายชี้นำว่า “เรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ใช่ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เพียงแค่ตำแหน่งเดียว เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะพิจารณาในตำแหน่งอื่นๆ ด้วย เพื่อให้คนเก่ง มีชื่อเสียง มีฝีมือเข้ามาทำงานกับรัฐบาล”

โดย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหาร พปชร. ซึ่งอยู่ในกลุ่ม “สามมิตร” และต้องการสนับสนุนให้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยอ้างว่ามีนักธุรกิจรายใหญ่ ให้การสนับสนุน

นายชัยวุฒิ ออกมาวิจารณ์ทีมนายสมคิดเป็นครั้งที่ 2 ว่า “ถ้านายสมคิดออกไปจะทำให้คนใหม่เข้ามาทำงานได้อีกเยอะ โดยเฉพาะการทำงานด้านเศรษฐกิจ สิ่งที่ตนพูดสะท้อนมาจากความคิดเห็นของประชาชนที่เริ่มเบื่อหน่าย จำเป็นต้องระดมคนใหม่เข้ามาช่วยกัน”

สถานะนับจากนี้ นายชัยวุฒิ ระบุว่า “แล้วแต่นายสมคิดจะคิด อยากให้สังคมเข้าใจว่าพรรคเรามีบุคลากรจากทุกภาคส่วนที่จะขับเคลื่อนบ้านเมืองเดินหน้าต่อไป แต่วันนี้ยังติดขัดเพราะคนเก่าที่ยังอยู่ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ทำให้คนใหม่เข้ามาไม่ได้”

ส่วนกรณีที่นายสมคิด ยกตัวอย่างว่าสิงคโปร์ยุบสภาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ นายชัยวุฒิ บอกว่า “ยุบสภาไม่ใช่ทางออก เพราะสภาไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกวันนี้ปัญหาอยู่ที่การแก้เรื่องเศรษฐกิจของทีมเศรษฐกิจเอง ต้องแก้ปัญหาให้ถูกจุด ส่วนสภาพร้อมที่จะทำงานดูแลประชาชนต่อ”

เขาบอกว่า ความเห็นที่ต้องการให้นายสมคิด พ้นจากคณะรัฐมนตรี และจากพรรค พปชร.นั้น “เป็นความเห็นของสมาชิกพรรคส่วนใหญ่ มีความเห็นเช่นเดียวกับผม เพราะการปรับเปลี่ยนเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้แย่งผลประโยชน์กันหรือมุ่งต่อสู้ทางการเมือง แต่เพื่อหาแนวคิดใหม่ และคนใหม่เข้ามาทำงาน ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนเรื่องทีม”

ก่อนหน้าที่จะมีการเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค เขาเคยออกมาขยับไล่ทีมนายสมคิด ว่าควรถึงเวลาไปเลี้ยงหลาน

ด้านนายภิญโญ นิโรจน์ ส.ส.นครสวรรค์ พปชร. ก็แสดงความคิดเห็นออกมาไล่ นายสมคิด เช่นกัน เขาระบุว่า “หน้าที่ของนายสมคิดในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ต้องบริหารจัดการให้เศรษฐกิจประเทศเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ ก็เสนอให้ยุบสภา ถือว่าไม่ถูกต้อง”

“เท่าที่ลงพื้นที่มามักโดนประชาชนต่อว่าตลอดว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี โดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอีที่บอกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจไม่ถูกทาง ชาวบ้านร้านค้าเล็กๆในหมู่บ้าน มักต่อว่าว่าขายของไม่ได้ พอมาฟังนายสมคิดบอกว่าให้ยุบสภา ก็อยากถามว่าสภาผิดอะไร อย่าไปโยนความผิดให้สภา สภาทำหน้าที่ขับเคลื่อนรวบรวมข้อมูลการแก้ไขปัญหา เพื่อให้รัฐบาลเดินไปให้ถูกทาง แม้เราประสบความสำเร็จเรื่องแก้ปัญหาโควิด-19 ได้แล้ว แต่ตอนนี้เราต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ”

“ถ้าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทำไม่ไหวก็เปลี่ยน ต้องแก้ไขที่ทีมเศรษฐกิจ ไม่ใช่ทีมเศรษฐกิจบริหารไม่ได้แล้วมาเสนอยุบสภา อย่างนี้ไม่ถูกต้อง”

ด้านที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีการประชุมคณะรัฐมนตรี แหล่งข่าว เล่าบรรยากาศว่า ค่อนข้างอึมครึม เพราะทีมรัฐมนตรี 3 คน ที่อยู่ในสายนายสมคิด ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน อดีตเลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมต่างเข้าประชุม และรายงานวาระงานต่อนายกรัฐมนตรี และรับข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรีโดยตรง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า รัฐมนตรีทั้ง 3 คน ยังทำงานร่วมกับ ครม. อย่างดี “ต้องให้กำลังใจอะไร เค้าก็ทำงานอยู่กับผมดี ทำไมต้องไปคุย อันนั้นเป็นเรื่องของพรรค”

นายกรัฐมนตรี ไม่เพียง “แบ็กอัพ” รัฐมนตรี สาย 4 กุมาร แต่ยังคาดโทษข้าราชการทั้ง 3 กระทรวงว่า “ใครเกียร์ว่างต้องลงโทษ ต้องทำงานไปถึงวันสุดท้าย ใครจะเป็นรัฐมนตรีใครจะเป็นอะไรต่างๆ ก็ต้องทำงาน เพราะเป็นข้าราชการของรัฐ”

ท่ามกลางการตีความทางการเมือง-และคาดการณ์ถึงตำแหน่งของ รัฐมนตรีสายสมคิด รวม 4 ตำแหน่ง ว่าอาจจะยังได้อยู่ต่อในโควต้า “นายกรัฐมนตรี”

ตรงกันข้ามกับความเห็นของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่ต้องการผลักดันหัวหน้าทีมคนใหม่ คือ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเหรัญญิกพรรค ขึ้นเป็นรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ

พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงตำแหน่งของนายสมคิดและพวก ว่า “ต้องดูก่อน…อยากให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น ให้เศรษฐกิจฐานรากดี”

และส่งสัญญาณตอกย้ำว่า “เรื่องนายสมคิด…คนละเรื่องกับพรรค”

นักข่าวถามว่าได้วางตัวคนที่จะนำเศรษฐกิจพรรคไว้หรือยัง พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ใช่เรื่องนำทีมเศรษฐกิจ แต่เป็นการเขียนนโยบาย นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จะคุมทีมงานเขียนนโยบาย

กระสุนทุกนัด ยังถูกเล็งไปที่ นายสมคิด ผู้ยังยืนเด่นโดยท้าทายในตำแหน่ง หัวหน้าทีมรัฐมนตรี 4 กุมาร และมีภาพลักษณ์เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

แม้ว่าในการโอปะเรชั่น นายสมคิด ไม่ได้ก้าวไปถึงกระทรวงเศรษฐกิจภายใต้การกำกับของพรรคร่วมรัฐบาล

ต้องจับตาว่า ทั้งสมคิด และลูกทีมรัฐมนตรีอีก 3 คน จะทนทานอยู่ใน ครม. ได้อีกนานแค่ไหน เพราะด้วยเหตุผลที่ต้องอยู่นั้นมีเพียงเรื่องเดียวคือ “เกรงใจท่านนายกรัฐมนตรี”

แต่หากถูกบีบ-รุกไล่ ทุกวัน อาจทำให้ความสัมพันธ์ขาดสะบั้น ถึงขั้น 3 กุมาร ลาออกจากสมาชิกพรรค และพ้นจากทุกตำแหน่งใน ครม. “ประยุทธ์ 2/1”


อาจไม่นานนับจากนี้…เวลาสำหรับ 4 กุมาร นับว่าเหลือน้อยยิ่งกว่าน้อย