บิ๊กตู่-หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ครม.ประยุทธ์ 2/2 ดึงนักการเงิน-นายธนาคารกู้เศรษฐกิจ

วันที่ 17 กรกฎาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประยุทธ์ 2/2 ที่จะเกิดขึ้นภายในเดือนสิงหาคม 2563 โดยเฉพาะการฟอร์มทีมเศรษฐกิจและการเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ซึ่งมีชื่อแคนดิเดตรัฐมนตรีเศรษฐกิจ อาทิ นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 1 สมัยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ต้องดูนะว่า เมื่อวันนี้นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจแล้วก็สามารถสั่งการได้ทุกกระทรวง ซึ่งแต่ก่อนนี้สมัย คสช. มันต่างกัน ที่มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เพราะเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งด้วยวิธีพิเศษขึ้นมาก็สามารถคุมได้ทั้งหมดทุกกระทรวง แต่วันนี้กระทรวงเศรษฐกิจหลายกระทรวงเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ผมคุมทั้งหมด เพราะฉะนั้นการที่นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่ใช่เป็นเพราะผมเก่งเศรษฐศาสตร์ แต่ผมจะเอาทุกอย่างมาพิจารณา วิเคราะห์ ศึกษา ปรึกษาที่ปรึกษาที่มีอยู่แล้ว ซึ่งก็มีอยู่หลายภาคส่วนด้วยกัน ทั้งเศรษฐศาสตร์ การเงิน การธนาคาร เพราะวันนี้เราต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

เมื่อถามว่า คณะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีจะมาเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็มีอยู่ระหว่างทาบทามและตอบรับ ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาหนัก จึงต้องปรับ ครม.ให้ตรงกับสถานการณ์ปัจจุบัน

เมื่อถามว่า ทีมเศรษฐกิจที่จะมาอยู่ภายใต้เซ็นเตอร์ของท่านนายกฯ มุ่งเน้นอะไรเป็นหลัก โดดเด่นเรื่องอะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องฟื้นฟูโดยเร็ว จึงจำเป็นต้องใช้นักเศรษฐศาสตร์ การเงิน การธนาคารมาช่วยกันคิด และสิ่งที่ผมได้ไปรับฟังจากภาคเอกชนและประชาชนและการเดินสายพบสื่อมวลชนนำมาประมวลและแจกจ่ายให้คณะทำงาน เพราะฉะนั้นคณะทำงานของเราในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่จะมีคณะที่ปรึกษาและทำงานร่วมกับกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) และเข้า ครม.เพื่อให้เกิดความหลากหลายขึ้น

เมื่อถามว่า จะไม่มีรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรีจะกำกับเศรษฐกิจแทนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ มีก็ดี แต่ผมก็ยังเป็นหัวหน้าทีมอยู่

เมื่อถามว่า ในการปรับ ครม.ครั้งนี้ให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไรได้บ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ให้ความมั่นใจว่า เราจะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ที่ผ่านมาก็ไม่ได้บกพร่องเสียหายอะไร เพียงแต่มีสถานการณ์หลายอย่างกระชับเข้ามา ทั้งสถานการณ์ภายนอกประเทศ สถานการณ์ภูมิภาคเปลี่ยนไป หลายอย่างอยู่ในช่วงแก้ปัญหาและต้องบริหารความรู้สึกของประชาชนด้วย