เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์เรื่อง หยุดเอาใจสหรัฐ เตรียมจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในขณะที่ไทยยังข้าวยากหมากแพง เนื้อหาว่า
ตามที่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ได้เดินทางไปเยือนกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น แต่ปรากฏว่ารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กลับออกมาแถลงถึงความต้องการและโอกาสของกองทัพที่จัดซื้อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ชนิดต่างๆ มาประจำการในกองทัพเพิ่มมากขึ้น อาทิ ฮ.โจมตี Cobra และ ฮ.AH-1Z Viper, AH-64 Apacha ของสหรัฐ ฮ.MI-28 จากรัสเซีย, ฮ.Z-10 จากจีน และ ฮ.AW-129 จากอิตาลี เป็นต้น
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
แนวคิดและการกระทำดังกล่าวเป็นการดำเนินการที่สวนทางกับปัญหาภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่เกิดปัญหาข้าวยากหมากแพง สินค้าทางการเกษตรหลายชนิดราคาตกต่ำอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน แต่สินค้าเพื่อการอุปโภค-บริโภค ก๊าซหุงต้ม น้ำมัน กลับพาเหรดกันขึ้นราคาขูดรีดภาคประชาชนอย่างแสนเข็ญ จนเกิดคนจนที่มาขึ้นทะเบียนกับรัฐบาลมากกว่า 14 ล้านคน ในขณะที่รัฐบาลหมดความสามารถในการหาเงินเข้าประเทศ กระเป๋าฉีก หาเงินไม่เป็น นอกจากการต้องขึ้นภาษีสินค้าบางประเภท และการขึ้นภาษี VAT 9% ในปี 2561
การออกมาแถลงการณ์เตรียมจัดซื้อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นการชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ ไม่ยี่หระต่อกฎหมาย ไม่เคยแคร์ความรู้สึกของพี่น้องประชาชน และไม่เห็นความทุกข์ยากของประชาชนอยู่ในสายตา ในขณะเดียวกันกับพยายามเอาอกเอาใจข้าราชการโดยการขึ้นเงินเดือนให้ และการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้กับทหารที่ร่วมกันยึดอำนาจมาจากประชาชน
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงใคร่เรียกร้องมายังรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้โปรดทบทวนแนวความคิดหรือนโยบายดังกล่าวเสีย และหันมาสร้างรายได้ปกป้องอาชีพสินค้าและบริการภายในประเทศ ส่งเสริมสินค้ายุทโธปกรณ์ที่ผลิตภายในประเทศเสีย และขอเรียกร้องให้องค์กรอิสระด้านการตรวจสอบทั้งหลายทั้ง สตง. ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้โปรดกลับมาทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลที่อาจขัดแย้งต่อมาตรา 62 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วย จึงจะถือว่าทำงานรับใช้แผ่นดินได้อย่างแท้จริง
ที่มา : มติชนออนไลน์