พุทธิพงษ์ สอน ม็อบเยาวชน ชุมนุมมีแต่ขึ้นโรงขึ้นศาล “เสียเวลาและเสียโอกาส”

นักเรียน นักศึกษา ชุมนุม บริเวณสกายวอล์ค หน้าเอ็มบีเค
REUTERS/Jorge Silva

“พุทธิพงษ์” ยอมไม่ได้ ชุมนุมละเมิดสถาบัน-สิทธิ์คนอื่น ลั่นพร้อมดำเนินคดี สอน ม็อบเยาวชน ข้อเสียชุมนุมมีแต่ขึ้นโรงขึ้นศาล ระบุ อุดมการณ์ กปปส.ยังอยู่

วันที่ 10 สิงหาคม 2563 เวลา 10.00 น.  ที่ทำเนียบรัฐบาล ข่าวสดรายงาน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมหน้ารัฐสภาของม็อบ 2 กลุ่ม ระหว่างม็อบที่มีอดีตแกนนำกปปส. กับกลุ่มคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ว่า

ความคิดเห็นที่แตกต่างในทางการเมืองเป็นเรื่องปกติที่มีมาโดยตลอด สิ่งหนึ่งที่จะเรียนคือ การใช้โอกาสในการสื่อสารในส่วนของโซเชียลมีเดีย ตนอยากจะให้ระมัดระวัง เพราะได้ติดตามมาอย่างใกล้ชิด บางข้อมูลเป็นข้อมูลที่บิดเบือนความจริง ทำให้มีคนเข้าใจผิด อาจทำให้รู้สึกโกรธ สับสน ไม่เข้าใจ การออกมาชุมนุมแสดงสิทธิ์ของตัวเองในพื้นที่ปลอดภัยและได้รับอนุญาตไม่ผิดกฎหมายยังถือว่าสามารถทำได้

แต่สิ่งที่วันนี้ทุกคนต้องช่วยกันคือ เห็นแตกต่างทางการเมืองได้ แต่ไม่ควรล่วงเกินหรือละเมิดสิทธิ์ของคนอื่น รวมไปถึงสถาบันหลักของประเทศ เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่เฉพาะของรัฐบาล ดีอีเอส แต่เป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันปกป้องคุ้มครองสถาบันหลักของประเทศ

ประเทศเรามีวันนี้ได้ก็มีที่มาที่ไป มีหลายเรื่องที่เราควรเรียนรู้ ในส่วนเรื่องความเห็นต่างทางหน่วยงานด้านความมั่นคงก็ช่วยดูแลไม่ให้เกิดการปะทะ และอยู่ในกรอบของกฎหมาย ยืนยันว่าความเห็นต่างเป็นสิ่งปกติในทางระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องระมัดระวัง การละเมิดสิทธิ์คนอื่น และสถาบันหลักของประเทศ ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ว่าใครก็คงจะยอมไม่ได้

พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)
พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)
ภาพ : ข่าวสด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลว่าทั้ง 2 ม็อบจะเผชิญหน้ากันหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นไปได้น้อย เพราะทั้งสองฝั่งก็มีนักคิดของตัวเอง ทุกคนแสดงความเห็นต่างกันทางกฎหมายและรัฐธรรมนูญ แต่ว่าการปะทะกันไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร ในอดีตที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย การปะทะกันทำให้เกิดความเสียหายและสูญเสีย

คิดว่าเราควรแสดงออกแบบคนรุ่นใหม่โดยใช้เหตุและผล ทั้งการใช้ผ่านโซเชียลมีเดียหรือแสดงออกผ่านทางการชุมนุม ตนพยายามติดตามดูว่าถ้าไม่ผิดกฎหมาย ไม่ไปละเมิดหรือก้าวล่วงสถาบันหลักก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าไปละเมิดยืนยันว่าจะดำเนินคดีอย่างแน่นอน

เมื่อถามว่าขณะนี้มีบัญชีผู้ใช้ที่จะดำเนินคดีเท่าไร รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า ขณะนี้ได้เปิดช่องทางออนไลน์ให้ประชาชนส่งข้อมูล เช่น เว็บเพจที่นำเสนอข้อมูลไม่ถูกต้อง ในระยะเวลา 7 วันที่ผ่านมามีเข้ามาประมาณ 3 พันเรื่อง ส่งศาลไปแล้ว 700 กว่าเรื่อง

หากศาลมีคำสั่งออกมาเราจะดำเนินการไปยังแพลตฟอร์มต่างประเทศเพื่อให้ปิดหรือลบตามคำสั่งศาล ทั้งนี้ ปกติเวลาเราส่งไปให้แพลตฟอร์มต่างประเทศ หากเขาไม่แก้ไขจะปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น แต่วันนี้เราใช้มาตรา 27 ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560

หากไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน เราจะดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มต่างประเทศนั้น ๆ โดยวันนี้จะเป็นวันแรกที่เราจะส่งจดหมายเตือนไปให้กับแพลตฟอร์มต่างประเทศ เพราะที่ผ่านมาอีกฝ่ายไม่ได้เคารพหรือดำเนินการตามคำสั่งศาลของไทย เราต้องเดินต่อให้สุด ประเทศไทยเราเคารพและจะดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ตนหรือกระทรวงไม่ได้คิดเองทำเอง

เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้แจ้งไปยังแพลตฟอร์มต่างประเทศแล้วหรือยัง รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า จากวันนี้นับไปอีก 15 วัน เราจะดูว่ามีกี่เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมที่มีคำสั่งศาลแล้ว หากแพลตฟอร์มไม่ยอมดำเนินการเราจะดำเนินคดี มีทั้งโทษอาญาและโทษปรับไม่เกิน 2 แสนบาท นอกจากนี้ ยังมีการปรับรายวันไม่เกิน 5 พันบาท

เมื่อถามว่า เป็นไอพี แอดเดรส ที่อยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า มีทั้งสองแบบ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ สำหรับในประเทศไทยส่วนใหญ่จะให้ความร่วมมือ เพราะกฎหมายไทยจะดำเนินการชัดเจน แต่ในต่างประเทศอาจจะไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายไทย อย่างไรก็ตาม เราจะดำเนินคดี เพราะไม่สามารถที่จะปล่อยต่อไปได้อีกแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าแกนนำม็อบที่สนับสนุนรัฐบาล ถูกเชื่อมโยงว่าเคยเคลื่อนไหวกับ กปปส. มาก่อน นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าเรื่องนี้อธิบายยาก เพราะเวลาเราไปอยู่ในที่ที่มีคนเยอะ เราไม่ได้รู้จักทุกคน บางคนอาจจะเดินอยู่ข้างหลัง ตนเห็นแล้วที่มีการนำภาพออกมาเปิดเผย

แต่ยืนยันว่าโอกาสที่รู้จักกันมีน้อยมาก และบางทีก็ไม่รู้จักกัน ทั้งนี้ ต้องไปตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวพันหรือเชื่อมโยงอะไรกันหรือไม่ ปัจจุบันนักสืบออนไลน์ก็มีติดตามกันเยอะแยะอยู่แล้ว วันนี้ต้องให้ความเป็นธรรม อีกอย่างคือ เมื่อเวลาผ่านไปคนก็เปลี่ยนไปสนับสนุนใครก็ได้ เพราะเป็นสิทธิของทุกคน

วันนี้เขาอาจจะอยู่กับเรา แต่พรุ่งนี้อาจจะไปสนับสนุนอีกฝ่าย โดยที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลยก็ได้ ไม่ได้เกี่ยวว่าจะต้องถูกมัดว่าต้องอยู่ฝั่งใคร อยากให้ดูที่พฤติกรรมมากกว่า หากเป็นพฤติกรรมที่ผิดหรือคิดร้ายต่อบ้านเมือง แบบนั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวล ยืนยันว่าส่วนตัวไม่รู้จักจริงๆ ยังนึกไม่ออกว่าเขาเป็นใครชื่ออะไรด้วยซ้ำ

เมื่อถามว่า ในฐานะที่เคยเคลื่อนไหวในนาม กปปส. วันนี้ กปปส.ยังอยู่หรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า หากถามว่า กปปส.ยังมีอยู่หรือไม่ กปปส.ก็ยังไม่ได้หมดไป เป็นความทรงจำของการต่อสู้ครั้งหนึ่งในอดีตเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว วันนี้เราเป็นเพื่อนกัน อุดมการณ์ยังมีอยู่ หากถามว่าจะมีการรวบรวมหรือจัดตั้งเพื่อต่อต้านหรือชนกับใคร ตนเชื่อว่าไม่มี และวันนี้ยังไม่ได้คุยกับใคร

เมื่อถามว่า หากมีเรื่องที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้นในบ้านเมือง กปปส.พร้อมที่จะออกมาอีกหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้อยู่ในความรู้สึกของทุกคน หากมีอะไรที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้นก็คงจะมีคนออกมาเสมอ ไม่ว่าจะมาจากฝั่งไหน ตนเป็นคนหนึ่งที่เคยออกมาเคลื่อนไหว


การออกมาชุมนุมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียคือ เกิดการสูญเสียเกิดขึ้น หากจะทำอะไรต้องตัดสินใจให้ดีและอยู่ในกรอบกฎหมาย และหลังจากการชุมนุมทุกครั้งจะมีการดำเนินคดี ขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่ว่าจะผิดหรือถูก ต้องใช้เวลานานมากกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย ตนคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ อยากให้น้อง ๆ ทุกคนที่ออกมาได้ระมัดระวัง นอกจากนี้ ยังเสียเวลาและเสียโอกาส”