เปิดโปรไฟล์การเมือง “สันติ พร้อมพัฒน์” รัฐมนตรีช่วยคลัง ที่พร้อมมากที่ขึ้นเป็นว่าที่ รัฐมนตรีคลัง คนใหม่
การสรรหาบุคคลเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประยุทธ์ 2/3 ยังคงดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
แต่ที่เสียงดัง ยิ่งกว่าดัง คือการเสนอตัวของ “นายสันติ พร้อมพัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่พร้อมมากสำหรับการขึ้นแท่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คนใหม่
หลังปฏิบัติการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของ นายปรีดี ดาวฉาย แบบเหนือธรรมชาติ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพียง “27 วัน”
- “ปรีดี ดาวฉาย” รมว.คลัง ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง อ้างเหตุป่วยนาทีต่อนาที!
- ปรีดี ดาวฉาย รมว.คลัง สุดเครียด คุยบิ๊กป้อม ก่อนลาออก
- การเมืองสมคบคิดคว่ำ “ปรีดี”
นายสันติ พร้อมพัฒน์ นับเป็น “ผู้กล้า” ที่อาสาขอเป็น “ขุนคลัง” หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี-หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ “ไว้วางใจ”
นายสันติ “พร้อมมาก” เพราะเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ เป็น “นายทุน” ของพรรคตัวจริง-เสียงจริง
นายสันติเป็นผู้เนรมิต “อาคารรัชดาวัน” ตรงข้ามศาลอาญารัชดา ให้เป็นที่ “รังใหม่” ของพรรคพลังประชารัฐ เป็นที่ทำการหลังใหม่ที่ “โอ่โถง-โอ่อ่า” สมฐานะพล.อ.ประวิตร-หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่ และพรรคใหญ่-แกนนำรัฐบาล
นายสันติเป็น “หัวหน้ามุ้งเพชรบูรณ์” งานในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง “low profile” แต่ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค-ผู้อำนวยการพรรค “high power” ใจถึง-พึ่งได้
เป็นผู้กว้างขวาง-พวกพ้องมาก สามารถ “ต่อสาย” กับเหล่านักการเมือง “กบฏเพื่อไทย” ในฐานะลูกน้องทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ความเป็น “นายทุนพรรค” ทำให้นายสันติเกือบขึ้นชั้นเป็นพ่อบ้าน-เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แต่สุดท้ายต้องยอมถอยให้กับนายอนุชา นาคาศัย เพราะมี “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทยในตำนานเป็นผู้สนับสนุน
นายสันติ “พร้อมมาก” มีชื่อคั่วเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตั้งแต่ครม.ประยุทธ์ 2/1 แต่ต้องผ่านหลายด่าน ทั้งคนในพรรค-อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐขณะนั้น ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแบ็คอัพ
- “สันติ” รมช.คลัง หนุนซื้อเรือดำน้ำ ชี้เอาไว้เบ่งกล้ามให้เพื่อนบ้านดู
- “สันติ พร้อมพัฒน์” ปัดเกาเหลา “ปรีดี” ลั่นพร้อมนั่ง รมว.คลัง เพื่อบ้านเมือง
ขณะที่ครม.ประยุทธ์ 2/2 แม้สามารถเขี่ยนายอุตตม พ้นจากหัวหน้าพรรค-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ก็ต้องมาหลีกทางให้กับนายปรีดี ชื่อที่ถูกส่งตรงมาจาก “ตึกไทยคู่ฟ้า” และแกนนำก๊ก กทม.ในพรรคพลังประชารัฐ
ถึงแม้จะ ขยับนายปรีดีได้สำเร็จ แต่นายสันติยังต้องเจอ ด่านใหม่-คนเก่า ที่ชื่อ ไพรินทร์ ชูโชติถาวร กุนซือเศรษฐกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิบัติหน้าที่คล้ายหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ หลังม่านบ้านนรสิงห์
โปรไฟล์ นายสันติ “พร้อมมาก” ที่จะมาเป็น “ขุนคลังคนใหม่” เป็นรมช.คลัง มาแล้ว 1 ปี ที่มีนายอุตตมเป็นรัฐมนตรีว่าการ และนายสมคิด อดีตรัฐมนตรีว่าการคลัง “ขุนพลทักษิณ” เป็นเงาขุนคลังในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 2
พร้อมมาก ทำได้ทุกหน้าที่-ทันทีที่พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร สั่งซ้ายหัน-ขวาหัน ทั้งในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ที่ยืนยันว่า ประเทศจำเป็นต้องซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำ
แม้ถูกฝ่ายค้านยื่นตรวจสอบวุฒิการศึกษา แต่นายสันติให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่รุก-ไล่เรื่อง “วุฒิการศึกษาปลอม” ว่า เตรียมเข้ารับพระราชทานปริญญาเอก สาขา “รถยนต์ไฟฟ้า” สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
พร้อมมาก ที่จะเข้ามาผลักดันนโยบายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ยังไม่สามารถแจ้งเกิดได้ในยุคที่นายอุตตมเป็นรมว.คลัง ในยุคที่นายสมคิด เป็นรองนายกฯ กำกับกระทรวงการคลัง
บทเรียนการลาออกจาก “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” ของ “ปรีดี ดาวฉาย” ภายหลังจากดำรงตำแหน่งได้เพียง 27 วัน ถือว่า “ได้ไม่คุ้มเสีย” ของนักบริหารมืออาชีพ-มือสะอาด ที่จดจ้องจะเข้าร่วมวงกับ “ประยุทธ์2/3”
เพราะ 27 วันของนายปรีดี มีสิ่ง “ต้องเสียไป” คือ อดเข้าวงการธุรกิจ-ตกงาน 2 ปี
เพราะตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 หมายถึง “เจ้าพนักงานของรัฐ” หรือ “ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”
- 27 วันของ “ปรีดี” ได้อะไร-เสียอะไร “ไพรินทร์” มีลุ้นใน “ประยุทธ์2/3”
- เปิดเบื้องลึกโผโยกย้ายกระทรวงคลัง “ชักเข้า-ชักออก” 3 รอบยังไม่ผ่าน
หมวด 6 การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม มาตรา 127 ห้ามมิให้กรรมการ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง
และ “ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ที่คณะกรรมการป.ป.ช.กำหนด ดำเนินการใดตามมาตรา 126 (4) ภายในสองปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง
มาตรา 126 (4) กำหนดว่า เข้าไปมีส่วนได้เสียในฐานะเป็นกรรมการ ที่ปรึกษา ตัวแทน พนักงาน หรือ ลูกจ้างในธุรกิจของเอกชนซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับ ดูแล ควบคุม หรือ ตรวจสอบของหน่วยงานของรัฐที่เจ้าพนักงานของรัฐผู้นั้นสังกัดอยู่
หรือปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งโดยสภาพของผลประโยชน์ของธุรกิจของเอกชนนั้นอาจขัดหรือแย้งต่อประโยชน์ส่วนรวม หรือประโยชน์ทางราชการ หรือ กระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานของรัฐผู้นั้น
หมวดบทลงโทษ มาตรา 170 เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 127 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
ทำให้นายปรีดี หรือใครก็ตามที่เป็น “คนนอก” หากเข้ามาเป็น “ขุนคลัง” จะไม่สามารถเข้าไปดำรงตำแหน่ง ประธาน-กรรมการ-ที่ปรึกษา แม้กระทั่งพนักงานในบริษัทเอกชนที่อยู่ภายใต้การกำกับ ดูแล ควบคุม หรือ ตรวจสอบของกระทรวงการคลัง
เมื่อสถานการณ์คนใน-อยากนั่ง คนนอก-ไม่อยากเข้า ชื่อนายสันติ จึงพร้อมมาก ลอยวนอยู่เหนือกระแสข่าวเศรษฐกิจติดลบ และรัฐบาลยังรัฐมนตรีคลังคนใหม่ไม่ได้