“ปิยบุตร” ลงชื่อแก้รัฐธรรมนูญกับไอลอว์ ส่งเสียงถึงผู้มีอำนาจ

“ปิยบุตร แสงกนกกุล” เดินทางไปร่วมลงชื่อแก้รัฐธรรมนูญกับไอลอว์ ชี้เป็นสัญลักษณ์ของประชาชนที่ต้องการให้ทำรัฐธรรมนูญใหม่-ส่งเสียงไปยังผู้มีอำนาจด้วย

วันที่ 19 กันยายน 2563 ข่าวสด รายงานว่า ที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม บริเวณข้างศาลฎีกา นาย ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เดินทางมาร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ร่วมกับโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ไอลอว์ (iLaw)

นายปิยบุตร ให้สัมภาษณ์ว่า ร่วมลงชื่อกับไอลอว์ เพราะเห็นด้วยกับเนื้อหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของไอลอว์

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า การประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 วาระแรกที่จะเกิดขึ้นวันที่ 23-24 กันยายนนี้ การยกร่างใหม่ทั้งฉบับ โดยเปิดกว้างให้จัดร่างใหม่ โดยแก้ไขได้ในทุกส่วน มีการเปลี่ยนวิธีได้มาซึ่ง สว. มีการยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ ซึ่งการรณรงค์ในครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงสัญลักษณ์

เพราะแม้รัฐธรรมนูญจะกำหนดให้ลงชื่อเพียง 5 หมื่นคน แต่หากประชาชนมาร่วมลงชื่อจำนวนมาก จนถึงหลักแสนคน จะเป็นสัญลักษณ์ของประชาชนที่ต้องการให้ทำรัฐธรรมนูญใหม่ และยังเป็นการส่งเสียงไปยังผู้มีอำนาจด้วย เพราะต้องยอมรับว่า การประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 วาระแรกที่จะเกิดขึ้นวันที่ 23-24 กันยายนนี้ ก็เกิดขึ้นเพราะการกดดันจากประชาชนภายนอก

นายปิยบุตร กล่าวว่า สำหรับการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 วาระแรกที่จะเกิดขึ้นวันที่ 23-24 กันยายนนี้ หากผ่านจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณา ตนอาจจะไม่สามารถเข้าไปทำหน้าที่เป็นคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาแก้ไขในรายละเอียดได้

เนื่องจากข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา ข้อที่ 123 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดให้บุคคลที่เป็นสมาชิกรัฐสภาเท่านั้นที่สามารถเข้าไปเป็น กมธ.ร่วมกันของรัฐสภาได้ ทั้งๆ ที่ผ่านมา ข้อบังคับการประชุมรัฐสภาในอดีต ก็ไม่เคยมีการกำหนดไว้เช่นนี้ ส่วนตัวจึงสงสัยว่า การกำหนดเช่นนี้มีนัยยะทางการเมืองหรือไม่

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมของการชุมนุม เท่าที่ตนได้ติดตามและร่วมสังเกตการณ์ ยังเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการลุกขึ้นมาต่อต้านเผด็จการและความไม่เป็นธรรม ตลอด 14 ปี ที่ผ่านมา เป็นที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การรัฐประหารที่เกิดขึ้น เป็นการสืบทอดอำนาจ และมีการนำทรัพยากรของประเทศทั้งหมดไปใช้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มคนกลุ่มคนหนึ่งอยู่ในอำนาจ จึงถึงจุดที่ประชาชนไม่สามารถทนกับระบอบประยุทธ์ได้อีกต่อไป

ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลเกี่ยวกับความไม่สงบและความรุนแทนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมนั้น ตนเชื่อว่า ความรุนแรงจะไม่เกิดขึ้นจากฝ่ายประชาชนแน่นอน เพราะประชาชนไม่มีอาวุธ มีแต่ใจและอุดมการณ์

จึงอยากให้ทหารและตำรวจมองว่า ผู้ชุมนุมเป็นประชาชนเหมือนกัน และในทางกลับกันทหารและตำรวจก็มีความอึดอัดกับระบอบที่เกิดขึ้น เราจึงหวังว่า พวกท่านจะหันกลับมารับใช้ประชาชนเพื่อสู้กับความไม่ชอบธรรมด้วยกัน

ภาพจากเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล

ต่อมา นายปิยบุตร ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ความว่า

[ นี่คือห้วงเวลาของประชาชน ]

การชุมนุม #19กันยาทวงอํานาจคืนราษฏร เป็นไปอย่างคึกคัก ใครอยากผลักดันประเด็นอะไรก็มาร่วมแสดงออกกันอย่างสร้างสรรค์ ทั้งกลุ่มผู้หญิงปลดแอก สุราปลดแอก สมรสเท่าเทียม บทกวี ศิลปะ การสาดสี เศรษฐกิจปากท้อง แก้รัฐธรรมนูญ การศึกษา รัฐสวัสดิการ

นี่คือประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ประชาชนแต่ละกลุ่มมีความต้องการไม่เหมือนกัน ทุกคนอยากได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ แต่เมื่อรัฐตอบสนองความต้องการทั้งหมดนั้นไม่ได้ ประชาชนก็เริ่มรวมตัวกันเป็นหนึ่ง แล้วเห็นว่าปัญหาทั้งหมดนี้เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง พอวิกฤตมากขึ้น ก็ถึงเวลาของการรวมประชาชนให้เป็นหนึ่ง จนกลายเป็นยักษ์อสุรกายไปล้มผู้ปกครองที่แก้ปัญหาไม่ได้

มาร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลง เพื่ออนาคตใหม่ที่ดีกว่าของคนรุ่นเราและลูกหลานเรา

เพราะการเมืองคือเรื่องของทุกคน

ภาพจากเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล
ภาพจากเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล
ภาพจากเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล