“บัญญัติ” ชี้ ตั้ง ส.ส.ร. ทางสายกลางแก้วิกฤตรัฐธรรมนูญ

บัญญัติ บรรทัดฐาน
บัญญัติ บรรทัดฐาน

“บัญญัติ บรรทัดฐาน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ชี้ ตั้ง ส.ส.ร. ทางสายกลางแก้วิกฤตรัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 4 เพื่อพิจารณาวาระร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. จำนวน 6 ญัตติ

นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายว่า เหตุผลและความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นมา 2-3 วันนี้เท่านั้น ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อบ้านเมืองการความตกทุกข์ได้ยากในวังวนของการระบาดของโรคโควิด-19 แต่เกิดขึ้นมาตั้งแต่รัฐบาลนี้เกิดขึ้นใหม่ ๆ และกำหนดไว้ในนโยบายเร่งด่วน 12 ข้อ

โดยกำหนดไว้ข้อหนึ่งว่า จะต้องมีการดำเนินการศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมาปรากฏขึ้นชัดเจนเมื่อมีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์ วิธีการ และแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธาน) ตลอดจนเวลามีความขัดแย้งและชุมนุมเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ สำนักโพลหลายสำนักจะหยั่งเสียงประชาชนแล้วเห็นความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน

และที่ชัดเจนที่สุด คือ วันที่ 10 ก.ย. ที่ กมธ.วิสามัญฯ ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ นำเอารายงานรายงานต่อรัฐสภา และชัดเจนที่สุด คือ รายงานของ อนุ กมธ.ประชาสัมพันธ์ ซึ่งกลุ่มที่รับฟังมีส่วนหนึ่งที่มีการชุมนุมเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.ที่ผ่านมา

“ผลจากการรับฟังชัดเจนว่า ทุกกลุ่มต่างมีเสียงเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งสิ้นเกือบทุกหมวด และความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหลายประเด็น ซึ่งถ้าแก้เป็นรายมาตราไม่ไหวแน่นอน นับร้อยมาตรา และมีข้อสังเกตของ กมธ.วิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจจะต้องแก้ทั้งฉบับเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังแก้ยาก สิทธิประโยชน์ของประชาชนที่ลดน้อยถอยลงกว่าฉบับก่อนๆ เป็นอันมา เช่น การกระจายอำนาจที่ดูจะรวมศูนย์อำนาจมากกว่า ตลอดจนที่มาและอำนาจของ ส.ว. ที่ถูกกล่าวขวัญขึ้นมา จึงเป็นเหตุผลที่จะให้มีการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมา เพราะนอกเหนือจากการร่วมฟังความเห็น โอกาสที่จะดึงผู้คนหลากหลายสาขาเข้ามามีบทบาทเข้ามาร่วมด้วย เป็นเรื่องที่สำคัญมากและเรียกร้องกันมาโดยตลอด

นายบัญญัติกล่าวว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญ โดยการตั้ง ส.ส.ร. มาดำเนินการไม่ใช่เรื่องใหม่ ย้อนหลังกลับไปเมื่อปี 39 ให้เพิ่มหมวด ส.ส.ร. ก็ทำกันได้ ไม่มีการโต้แย้งว่า ทำได้โดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นที่มาของรัฐธรรมนูญปี 40 และยังเป็นรัฐธรรมนูญที่ได้รับการชื่นชมเป็นอันมากว่าเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด

“แน่นอนครับงบประมาณแผ่นดินขณะนี้ เป็นเงินงบประมาณแผ่นดินที่จำเป็นต้องใช้จ่าย ต้องสงวนไว้เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ แต่ถึงคำถึงรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดประเทศ กำหนดโครงสร้าง กำหนดความสัมพันธ์และบทบาทของสถาบันที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ ทั้งในทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ถ้าเราคิดว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดที่มีการรับรองและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ เป็นแม่บทที่จะกำหนดหลักการในการอำนวยความยุติธรรม ความเที่ยงธรรมให้กับประชาชนโดยทุกด้าน ถ้ารัฐธรรมนูญสำคัญกันถึงเพียงนี้ การใช้จ่ายงบประมาณบางส่วนพอสมควรในการนี้ ก็เป็นเรื่องที่ควรจะกระทำเป็นอย่างยิ่ง”

นายบัญญัติกล่าว่า ใครก็ตามที่มีจิตใจเปิดกว้างพอสมควรและติดตามสถานการณ์การเมืองมาโดยตลอด คงปฏิเสธไม่ได้เสียแล้ว ว่า เสียงเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องกระทำเป็นอย่างยิ่ง หลายข้อบกพร่องเป็นที่ปรากฏชัดเวลาที่มีการบังคับใช้ แล้วเราจะปล่อยให้ความบกพร่องนี้ดำเนินอยู่ ก่อให้เกิดความขัดแย้งและความเสียหายร้ายแรงภายในประเทศ คิดว่าไม่ควรจะเพิกเฉย

“การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการจัดตั้ง ส.ส.ร. ถือเป็นทางสายกลางที่ทุกฝ่ายจะยอมรับกันได้ เพื่อจะช่วยกันปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้มีเหตุมีผล ให้มีความศักดิ์สิทธิ์คู่ควรเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นประเด็นใหญ่ที่สุด และสิ่งที่สำคัญที่สุด การดึงจากหลายฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว แน่นอนความปรองดองก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายดายมากนัก

แต่อย่างน้อยบทบาทที่จะดำเนินการร่วมกันในลักษณะเช่นนี้ อาจจะนำไปสู่การลด การคลี่คลายความขัดแย้งที่มีอยู่ให้ลดน้อย ถอยลงบ้าง แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ โอกาสที่จะได้รัฐธรรมนูญที่มีหลักมีเกณฑ์คู่ควรแก่การเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศน่าจะเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาร่วมกัน หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการตั้ง ส.ส.ร. จะได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีต่อสมาชิกผู้มีเกียรติแห่งสภานี้โดยทั่วกัน”