พลังประชารัฐ ประกาศจุดยืน ประยุทธ์ ไม่ต้องออก อยู่ครบ 4 ปี

“อนุชา นาคาศัย” ประกาศจุดยืน “พลังประชารัฐ” หนุน “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ ครบ 4 ปี ไม่ต้องลาออก

วันที่ 22 ตุลาคม 2563 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการ พปชร.ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมพรรค ถึงการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่ออภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 ในวันที่ 26-27 ตุลาคม ว่า ในที่ประชุมพรรคจะมีการหารือที่จะอภิปรายในวันดังกล่าว แต่สำหรับข้อเรียกร้องของกลุ่มราษฎร 2563 ที่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่งนั้น

พปชร.มีจุดยืนแน่นอนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องลาออก เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด บริหารชาติบ้านเมืองด้วยความราบรื่น ตั้งใจ และมีเจตนารมณ์ที่ต้องการให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ตามยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลได้วางไว้

“ท่านไม่ได้มีความผิด หรือมีอะไรที่ท่านต้องลาออก การเมือง 4 ปีค่อยว่ากันใหม่ ความเห็นต่างมีได้ แต่ไม่ใช่นำมาบังคับกันว่าจะต้องทำอย่างนู้น 1 2 3 4 5 สิ่งนี้ไม่ใช่ความเห็นต่าง เขาเรียกว่าการบังคับ ถ้าเป็นการเห็นต่างในระบอบประชาธิปไตย ต้องพูดคุยกันทุกภาคส่วนแล้วใช้มิติของทุกภาคส่วนว่าบ้านเมืองจะเดินไปอย่างไร ต้องมีคนหลายหมู่ หลายเหล่า หลายคณะ ไม่ใช่มีคณะเดียวที่ตัดสินว่าบ้านเมืองจะต้องไปตามอย่างที่เรียกร้อง นี่คือความเห็นต่างที่ต้องมีการพูดคุยกัน เจรจากันอย่างสันติวิธี การบังคับไม่ถือว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย” นายอนุชา กล่าว

นายอนุชา กล่าวว่า หากสถานการณ์บานปลายหรือไม่ต้องอยู่ที่ผู้ชุมนุม ไม่ใช่รัฐบาล ทุกภาคส่วนไม่มีใครอยากให้บานปลาย ยกเว้นคนที่เสนออยากให้บ้านปลาย ซึ่งรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ พี่น้องประชาชนก็ไม่อยากให้บานปลาย แต่ต้องย้อนถามถึงผู้ยื่นข้อเสนอว่าอยากให้บานปลายหรือไม่ ดังนั้น อยากฝากถึงผู้ชุมนุมว่า อยากให้มีการพูดคุยในสภาที่มีตัวแทนของทุกกลุ่มอยู่แล้ว ซึ่งการประชุมสภาจะเป็นที่หาทางออกร่วมกันอย่างสันติวิธี ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถ้าไม่เชื่อระบอบสภาก็ไม่รู้เชื่อมั่นในระบอบอะไร นื่คือเบสิคของประชาธิปไตย

นายอนุชา กล่าววว่า เวทีของสภาคือเวทีหลักในระบอบประชาธิปไตยที่จะมาพูดคุย เสนอข้อคิดเห็นไปยังฝ่ายบริหาร การแก้รัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่สิ่งที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องมาว่าจะมีอะไรพูดคุยกันได้หรือไม่ว่าจะไปจบที่จุดไหน

“ส่วนเรื่องการพูดถึงเรื่องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ในสภา พปชร.มีจุดยืนแน่นอน ไม่มีการเกี่ยวข้อง ปฏิรูปสถาบัน ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 แน่นอน ซึ่งเป็นความเห็นกับอีกพรรคการเมืองหนึ่งต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งจะต้องมาหาข้อสรุปร่วมกัน ฝากไปถึงนิสิต นักศึกษา คนรุ่นใหม่ ก็อยากฝากไปถึงทุกท่านว่าประเทศชาติของเราต้องการทางออกที่จะสามารถคุยกันอย่างสันติวิธี แต่ในเวลานี้ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่ จึงอยากให้ยกครรลองประชาธิปไตยเบ่งบานอย่างจริงจัง อย่าทำอะไรที่เกินเลยนำไปสู่ความรุนแรง” นายอนุชา กล่าว

นายอนุชา ยังยืนยันว่า ตามข้อบังคับการประชุมในสภาไม่สามารถพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์โดยไม่จำเป็น แต่ใครจะพูดถ้าเขาคิดว่ามีเอกสิทธิ์หรือคิดว่าจะพูดก็สุดวิสัยที่เราจะห้ามผู้หนึ่งผู้ใด ส่วนม็อบเรียกร้องก็เรียกร้องไป ในสิ่งนี้เราไม่สามารถปฏิบัติได้ก็ต้องพูดตรงไปตรงมาว่าไม่สามารถปฏิบัติได้ ไม่มีอะไรแอบแฝง เป็นข้อเห็นที่แตกต่างแน่นอน และสิ้นเชิง