โฆษกสำนักนายก ชี้ เศรษฐกิจไทยปรับตัวดี หวั่นชุมนุมทำสะดุด

อนุชาโวเศรษฐกิจไทยดี
ภาพจากเฟซบุ๊ก อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาล

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้ เศรษฐกิจไทยดีกว่าคาดการณ์ จากผลงานการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล โดย Fitch Ratings คงอันดับ BBB+ แต่หวั่นชุมนุมทำเศรษฐกิจสะดุด

วันที่ 31 ตุลาคม 2563 มติชน รายงานว่า นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า จากที่ธนาคารโลกจัดอันดับ Doing Business 2020 ของไทย อยู่ที่อันดับ 21 จาก 190 ประเทศ เป็นการปรับตัวดีขึ้นถึง 6 อันดับ และเป็นอันดับที่ดีที่สุดของไทยในรอบ 6 ปี สะท้อนให้เห็นว่าโครงสร้างเศรษฐกิจไทยกำลังมีการปรับตัวเพื่อรองรับสู่ฐานการผลิตอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ทั้งใน 10+2 อุตสาหกรรมเป้าหมาย

โดยเป็นผลมาจากความพยายามของภาครัฐ หลายหน่วยงานในการลดขั้นตอนการขออนุมัติ การนำระบบดิจิทัลมาใช้ และการปรับปรุงระเบียบต่างๆ ให้เอื้อต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ขณะที่บริษัท Fitch Ratings (Fitch) ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และให้มุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) จาก 3 เงื่อนไขสำคัญ ได้แก่

1) ภาคการคลังและภาคการเงินต่างประเทศไทยที่อยู่ในระดับสูง สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงและความผันผวนของเศรษฐกิจ รวมทั้งผลกระทบที่เกิดจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 2 ) ภาคการคลังสาธารณะที่แข็งแกร่ง จากการรักษาวินัยทางการคลัง โดยยึดหลัก พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 อย่างเคร่งครัด และ 3) ภาคการเงินต่างประเทศที่เข้มแข็ง โดยมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล และทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง

“ตัวเลขเศรษฐกิจหดตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้น โดยกระทรวงการคลังรายงานเศรษฐกิจไทยปี 2563 หดตัวที่ร้อยละ -7 ซึ่งน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านั้นที่ร้อยละ -8.2 ถึง -7.2 ซึ่งผลส่วนหนึ่งมาจากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการเพิ่มกำลังซื้อแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการ “คนละครึ่ง” โครงการ “ช้อปดีมีคืน” โครงการเที่ยวปันสุข รวมทั้งโครงการต่างๆ จากงบพรก. เงินกู้ฯ ที่จะทยอยดำเนินการ ให้เกิดการจ้างงาน และการกระจายรายได้

ซึ่งขณะนี้เริ่มมีสัญญาณของการปรับตัวของเศรษฐกิจในทิศทางที่ดีขึ้น โดยรัฐบาลได้ดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านมาตรการระยะสั้นและระยะยาว เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อได้ แต่ทั้งนี้การชุมนุมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นสิ่งที่รัฐบาลมึความกังวลเป็นอย่างยิ่ง ว่าจะมีผลกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่กำลังเดินหน้าไปด้วยดีให้สะดุดลง และจะกระทบบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และกระทบความมั่นใจของนักลงทุนได้” โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

ก่อนหน้านี้ นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า ประเด็นที่ Fitch ให้ความสนใจและจะติดตามอย่างใกล้ชิด คือ สัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือนต่อ GDP และความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งอาจมีผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของภาครัฐและการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะปานกลาง