ส.ป.ก. ที่ดินต้องห้ามนักการเมือง เสี่ยงคดีอาญา ยุบสภา พ้นตำแหน่ง

ปมที่ดิน ส.ป.ก.-เอื้อนายทุน กลายเป็น “ตำบลกระสุนตก” ใส่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ “หัวหน้ารัฐบาล” หลัง “ร.อ.ธรรมนัสพรหมเผ่า” รมช.เกษตรฯ กำกับสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) พัวพันกับ “ที่ดินต้องห้าม”

ประกาศคณะกรรมการ ส.ป.ก.อนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อ “กิจการอื่น” มีหลักการ-เหตุผล เพื่อเป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มีความชัดเจน-เกิดผลสัมฤทธิ์ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ปัจจุบัน

โดย “กิจการอื่น” ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ “เอื้อนายทุน” คือ “กิจการแปรรูปผลิตผลเกษตรกรรม ซึ่งใช้ผลผลิตทางการเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดินเป็นหลัก” ได้แก่ โรงงานน้ำตาล โรงงานผลไม้กระป๋อง-สับปะรด/เงาะ/ลำไย/ลิ้นจี่-ผลไม้อื่น

โรงงาน หรือสถานที่สำหรับแปรรูปไม้ ผลไม้ หรือผลิตผลทางการเกษตรอื่นในเขตปฏิรูปที่ดิน กิจการโรงงานผลิต/กลั่น/จำหน่ายสุราพื้นบ้าน ชุมชน และโรงเลี้ยงสัตว์และโรงฆ่าสัตว์

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการ ส.ป.ก. ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการใช้และค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 “เพิ่มบทนิยาม” คำว่า “มูลค่าทรัพย์สิน” กำหนด “อัตราค่าตอบแทน” ใช้ประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. อ้างอิงราคาที่ดินที่ ส.ป.ก.จัดซื้อ หรือราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินของกรมธนารักษ์ในปีที่ให้ความยินยอม หรืออนุญาตแล้วแต่อันใดสูงกว่า

นอกจากนี้ยังกำหนดอัตราเรียกเก็บ “ค่าตอบแทนใหม่” ในการใช้ที่ดินเพื่อกิจการปิโตรเลียมและเหมืองแร่

คำสั่ง ส.ป.ก.ดังกล่าว ซึ่งถูกตีตรา “เอื้อนายทุน” จากข้อกล่าวหา “เฉพาะตัวบุคคล” ถูกย้อนศรไปยังนโยบาย “โฉนดทองคำ” ของพรรคพลังประชารัฐเมื่อครั้งหาเสียงช่วงเลือกตั้ง แต่ต้องถูก “พับใส่ลิ้นชัก” เพราะกลายเป็น “จุดอ่อน” ถูก “โจมตี” ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง

กรณี “ที่ดินต้องห้าม” ไม่ใช่คดีเดียวที่พรรคพลังประชารัฐ ที่มี “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ยังมี “คดีรุกป่าสงวน” ของ “เอ๋-ปารีณา ไกรคุปต์”ส.ส.ราชบุรี ค่ายพลังประชารัฐอีกคนที่เข้าไปพัวพัน จนมี “ชนักปักหลัง”

ที่ดิน “เขาสวนกวาง” ในพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรีจำนวน 711 ไร่ 2 งาน 93 ตารางวา ถูกตีแผ่หลังจาก “เอ๋-ปารีณา” ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

“เอ๋-ปารีณา” ถูก ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ขณะที่ “คดีรุกป่าสงวน” กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.) อยู่ระหว่างสอบปากคำพยาน

นอกจากนี้ยังมี ส.ส. 21 ราย จาก 6 พรรคการเมือง ที่ถือครองที่ดินเอกสารสิทธิที่ดิน ส.ป.ก. และเอกสารการเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.5) ได้แก่ พลังประชารัฐ 6 คน เพื่อไทย 5 คน ภูมิใจไทย 5 คน ประชาธิปัตย์ 2 คน อดีตอนาคตใหม่ 2 คน และรวมพลังประชาชาติไทย 1 คน

จากอดีต “อาถรรพ์” การครอบครอง “ที่ดินต้องห้าม” ตามหลอกหลอนนักการเมืองทุกยุคสมัย ต้องขึ้นโรง-ขึ้นศาล-ยุบสภาหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะ 2 คดีที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุด คือ “คดีเขาแพง” ในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่มี “ลูกนักการเมืองใหญ่” แทน เทือกสุบรรณ เป็นผู้ครอบครอง

พรรคเพื่อไทย-ฝ่ายค้านขณะนั้นหยิบยกมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษา “ยกคำร้อง” แทนกับพวกรวม 4 คน “ทุกข้อกล่าวหา”

คดีที่ดิน ส.ป.ก.ระดับ “ตำนาน” คือ “ส.ป.ก.4-01” ในยุครัฐบาลชวน หลีกภัย ที่มี “สุเทพ” เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์-กำกับสำนักงานการปฏิรูปที่ดินฯ

การมอบเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 4-01 ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต 486 ราย 10,536 ไร่ 2 งาน 95 ตารางวา ถูก “เปิดโปง” ภายหลังปรากฏเป็นข่าว “ตระกูลเศรษฐี” อย่างน้อย 15 ตระกูลที่เป็นข่าวครอบครอง

เป็นการ “ฉีกหน้า” รัฐบาลชวน 1 อย่างมาก เพราะเป็นนโยบายที่ถูกชูให้เป็นการกระจายสิทธิครอบครองที่ดินสำหรับผู้ยากไร้และเกษตรกร แต่กลับปรากฏชื่อ “นายทุน” จับจอง

มิหนำซ้ำยังนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชวน จนทำให้สุเทพและ “นิพนธ์ พร้อมพันธุ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้นประกาศลาออก-หนีซักฟอก

แม้ “สุเทพ-นิพนธ์” จะชิงลาออก-ฮาราคีรีตัวเอง เพราะรักษารัฐบาลชวนไว้ แต่พรรคชาติไทย-ฝ่ายค้านขณะนั้น ผนึกกำลังกับ “นักการเมืองกลุ่ม 16” รุกหนักจากอภิปรายรายบุคคล เป็นขออภิปรายคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ

ประกอบกับพรรคพลังธรรม-พรรคร่วมรัฐบาลขณะนั้น กระโดดลงจากขบวนหลังจากกระแสสังคมกดดันอย่างหนัก

จึงมีมติงดออกเสียง-ลาออกจากรัฐมนตรีและถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้นายชวนต้องประกาศยุบสภาก่อนลงมติไม่ไว้วางใจเพียง 1 ชั่วโมง

รัฐบาล-นักการเมืองที่ถูกอาถรรพ์ที่ดินต้องห้าม-ทุกตารานิ้วตามรังควานจึงมีจุดจบทางการเมืองไม่ต่างกัน