“ไพบูลย์” ปาดหน้า แก้ รธน. ห้ามแตะหมวด 1 หมวด 2 พระราชอำนาจทุกมาตรา

“ไพบูลย์ นิติตะวัน” ตัวทำเกมพลังประชารัฐ งัดแผนสอง ชงแก้มาตรา 256/13 วรรคห้า-หก ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ปิดประตูแก้หมวด 1 และหมวด 2 – พระราชอำนาจทุกมาตรา เปิดสวิตซ์ ส.ว.ลากตั้ง-อำนาจเลือกนายกฯ สวมบทพิทักษ์ประกาศ-คำสั่ง มรดก คสช.

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ …) พ.ศ…. ให้สัมภาษณ์ว่า ตนจะเสนอต่อคณะกรรมาธิการฯ ให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 256/13 วรรคห้าและวรรคหก ซึ่งร่างเดิมบัญญัติว่า

“การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจะกระทำมิได้ กรณีที่รัฐสภาวินิจฉัยว่าร่างรัฐธรรมนูญมีลักษณะตามวรรคห้า ให้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป” นายไพบูลย์กล่าวและว่า ตนจะเสนอแก้ไขเพิ่มเติมให้เป็นดังนี้

“การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ รวมทั้งพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในหมวดอื่นของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจะกระทำมิได้ และต้องบัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาลให้ มาตรา 269 มาตรา 272 และมาตรา 279 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ยังคงมีผลใช้บังคับได้ต่อไป”

นายไพบูลย์กล่าวว่า เมื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าเป็นการชอบด้วยวรรคห้าหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ไม่เป็นไปตามวรรคห้าให้ส่งร่างรัฐธรรมนูญคืนแก่สภาร่างรัฐธรรมนูญดำเนินการแก้ไข กรณีที่สภาร่างรัฐธรรมนูญไม่แก้ไขให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ให้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป

นายไพบูลย์กล่าวว่า เหตุที่เสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256/13 วรรคห้าและวรรคหก เพื่อให้เป็นไปตามความห่วงใยของกลุ่มประชาชนปกป้องสถาบันฯที่ออกมาคัดค้านการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เนื่องจากห่วงกระทบพระราชอำนาจ ซึ่งตนแม้จะโหวตให้มีการจัดตั้ง ส.ส.ร. แต่มีจุดยืนที่ไม่ยอมให้มีการแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจ

“ในฐานะกรรมาธิการฯ จึงเสนอให้นอกจากตามร่างรัฐธรรมนูญฯ เดิม ห้ามแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์แล้ว ตนเสนอเพิ่มเติมให้ห้ามแก้ไขพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ให้ครอบคลุมในหมวดอื่น ๆ ของรัฐธรรมนูญด้วย และแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256/13 วรรคหก เมื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าเป็นการชอบด้วยวรรคห้าหรือไม่ แทนเดิม กำหนดให้รัฐสภาเป็นองค์กรวินิจฉัย”

นายไพบูลย์กล่าวว่า ส่วนที่เสนอให้ต้องบัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญฯฉบับ ส.ส.ร. ให้ มาตรา 269 มาตรา 272 และมาตรา 279 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ยังคงมีผลใช้บังคับได้ต่อไป ด้วยเห็นว่าคง มาตรา 269 เพื่อรักษาสิทธิ์ ส.ว. ให้ดำรงตำแหน่งครบตามวาระ ส่วนที่เสนอให้คงมาตรา 272 เหตุเพราะมีที่มาจากประชาชน 15 ล้านคน ออกเสียงเห็นชอบเฉพาะมาตรานี้ ซึ่งมีผลในระยะ 5 ปีแรกเท่านั้น และเสนอให้คง มาตรา 279 เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับการดำเนินคดีเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบของนักการเมืองและข้าราชการที่ดำเนินการไปในสมัย คสช.

ดังนั้น ตนจะเสนอต่อคณะกรรมาธิการฯ เพื่อให้ที่ประชุมกมธฯพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 256/13 วรรคห้าและวรรคหกดังกล่าวข้างต้น เมื่อที่ประชุมกมธ.มีการพิจารณามาตราดังกล่าว