ประยุทธ์ ล็อก 3 ขา 3 พรรค ร่วมจ่ายเงินกู้ 1ล้านล้าน โกยคะแนน “คนละครึ่ง”

รัฐบาลผสม 18 พรรค 275 เสียง (ตัดพรรคไทยศรีวิไลย์ 1 เสียง) ขับเคลื่อนด้วยคณะกรรมการ 3 ชุด พรรคการเมือง 3 ขา ที่มี “เบอร์ 1” ของพรรค “คั่ว” เก้าอี้นายกรัฐมนตรี

ชุดที่ 1 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ชุดที่ 2 ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือ ศบศ.และ ชุดที่ 3 คณะรัฐมนตรี

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี-รมว.กลาโหม ในฐานะ “แคนดิเดตนายกฯ” ของพรรคพลังประชารัฐ “โชว์ผลงาน” ด้วยสารพัดมาตรการ “แจกเงินถ้วนหน้า”

แจกสะบัดผ่านแผนงาน-โครงการตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 วงเงิน 1 ล้านล้าน

ภายใต้มาตรการช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ วงเงิน 555,000 ล้านบาท ทุกมาตรการที่ออกมา “กระชากเรตติ้ง” จาก “ทุกชนชั้น”

ช่วง “ล็อกดาวน์” รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แจกเงินไปแล้วทุกหย่อมหญ้า 43.9 ล้านคน แบ่งเป็น “เราไม่ทิ้งกัน” 16 ล้านคน เกษตรกร 10 ล้านคน กลุ่มเปราะบาง 6.9 ล้านคน รวมถึงแรงงานในระบบประกันสังคม 11 ล้านคน

เก็บตกผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งยังไม่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐ สำหรับผู้ถือ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” คนละ 3,000 บาท จำนวน 1.14 ล้านคน

นอกจากนี้ ยังอนุมัติโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 14 ล้านคน คนละ 1,500 บาท ระยะที่ 1 วงเงิน 21,000 ล้านบาท และระยะที่ 2 วงเงิน 20,613 ล้านบาท

ทั้งนี้ สามารถเยียวยาให้กับผู้มีสิทธิจำนวน 30,524,376 ราย คิดเป็นร้อยละ 89.92 จากกลุ่มเป้าหมายจำนวน 33,946,103 ราย

ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 กระทรวงการคลังลงนามในสัญญากู้เงินและออกตราสารหนี้ภายใต้ พ.ร.ก.แล้วจำนวน 373,761 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.38 และมีวงเงินกู้คงเหลือตาม พ.ร.ก.จำนวน 626,239 ล้านบาท

คณะรัฐมนตรีอนุมัติไปแล้วจำนวน 46 โครงการ วงเงินรวม 476,587 ล้านบาทและหน่วยงานเจ้าของโครงการได้เบิกจ่ายเงินกู้แล้วจำนวน 298,071 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 62.54 ของกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ

ขณะที่แผนงาน-โครงการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 400,000 ล้านบาท ทั้งโครงการ “คนละครึ่ง”ระยะที่ 1 จำนวน 10 ล้านคน คนละ 3,000 บาท วงเงิน 30,000 ล้านบาท

“คนละครึ่ง เฟส 2” แจกอีก 5 ล้านคน คนละ 3,500 บาท เติมเงินให้ “สิทธิเก่า” 10 ล้านคน วงเงิน 22,500 ล้านบาท ผลิดอกออกผลทางเศรษฐกิจ-คะแนนนิยมให้กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์

รวมกับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน 20,000 ล้านบาท โครงการกำลังใจ 2,400 ล้านบาท วงเงิน 22,400 ล้านบาท เพื่อเร่งเครื่องยนต์ท่องเที่ยวให้กลับมามีชีวิต นอกจากนี้ ยังมีโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท คาดว่ารัฐจะสูญเสียการจัดเก็บรายได้ 1.4 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล “แคนดิเดตนายกฯ” แห่งภูมิใจไทย “สร้างผลงาน” ด้วยการ “เซ็นสัญญา” วัคซีน “ล่วงหน้า” กับบริษัท AstraZeneca จำกัด จำนวน 26 ล้านโดส

ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณจัดซื้อวัคซีน 6,000 ล้านบาท ภายใต้แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข วงเงิน 45,000.00 ล้านบาท

นับรวมถึงผลงาน “ปลดล็อก” นโยบาย “กัญชาเสรี” และ “อัพเกรด” โครงการ “บัตรทอง” ให้ “รักษาทุกโรค” ได้จริง ๆ ไม่เป็นเพียง “คำสวยหรู”

อีกผลงานหนึ่งที่ “เสี่ยหนู” จะผลิตออกมา คือ การ “ปลดแอก” ผู้ค้ำประกันโดยปรับหลักเกณฑ์การกู้เงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยผู้ขอกู้ไม่ต้องมี “ผู้ค้ำประกัน”

ส่วน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แม้ไม่เป็น “แคนดิเดตนายกฯ” ในบัญชีพรรค แต่เมื่อรัฐธรรมนูญ “เปิดช่อง” ให้เสนอ ส.ส.-นายกฯคนนอกบัญชีพรรคได้

จึงไม่สามารถ “กาชื่อ” นายจุรินทร์ออกจากเก้าอี้ “นายกฯคนที่ 30” ได้

1 ปีที่ผ่านมา “จุรินทร์” เดินสายกู้วิกฤต “พรรคเก่าแก่” ให้พ้นวิกฤต “พรรคต่ำร้อย” ด้วยการซื้อใจเกษตรกร “หว่านเงิน” ลงพืช-สวน-ไร่-นาผ่านนโยบายประกันราคาสินค้าเกษตร 5 ชนิด

ประกันรายได้เกษตรกรทั้งหมด 7.29 ล้านครัวเรือน วงเงินทั้งสิ้น 68,854 ล้านบาทแบ่งออกเป็นข้าว 4.31 ล้านราย วงเงิน 20,940 ล้านบาท ปาล์มน้ำมัน 3 แสนราย วงเงิน 13,000 ล้านบาท ยางพารา 1.71 ล้านราย วงเงิน 23,472 ล้านบาท มันสำปะหลัง 5.2 แสนราย วงเงิน 9,890 ล้านบาท และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 4.5 แสนราย วงเงิน 1,552 ล้านบาท

นับรวมการขอ “แทรกตัว” เข้าไปขอ “แบ่งเค้ก” จากงบประมาณ “เงินกู้” ภายใต้มาตรการเยียวยาเกษตรกร 5,000 บาท จนเกิดดราม่า “สิทธิซ้อนสิทธิ” รวมถึงเก็บตก “กลุ่มเปราะบาง” คนพิการ-คนไร้บ้าน เป็น “ขวัญใจ” ซาเล้ง

ไม่นับรวมแผนงานฟื้นฟู 4 แสนล้านของกระทรวง-ทบวง-กรม กระทรวงในโควตาประชาธิปัตย์ที่ “ชิงเหลี่ยม” เสนอโครงการของกระทรวงเกษตรฯ ที่มี 3 รัฐมนตรีว่าการ-ช่วยว่าการจาก 3 พรรคการเมืองบิ๊กเนมอยู่ในถ้ำเดียวกัน