หลัง “ทราย เจริญปุระ” และอีกหลายคน เจอหมายเรียกคดี 112 ล่าสุด บก. ลายจุด ออกมาเคลื่อนไหว โดยเล่าประสบการณ์เมื่อครั้งตัวเองโดนข้อหา ม. 112
วันที่ 18 ธันวาคม 2563 นายสมบัติ บุญงามอนงค์ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก เล่าประสบการณ์เมื่อโดนข้อหา ม.112 ข้อความดังนี้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
เมื่อผมโดน ม.112
เมื่อปี 50 ผมไปรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่ บขส. เชียงราย ทหารลากตัวผมลงจากบนหลังคารถแล้วพาไปกักตัวที่ค่ายทหาร ผมถูกนายทหารที่อยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการข่าวกรองของกองทัพภาคที่ 3 สอบอย่างหนัก เอาโคมไฟส่องใส่หน้าแบบที่เราเห็นในหนัง พร้อมกับประโยคจำขึ้นใจว่า “ผมจะเอาผิดทางกฏหมายทุกเรื่องตั้งแต่คุณเกิดมา และ จะเอาผิดญาติพี่น้องคนอื่นด้วยไม่ว่าเขาเคยทำความผิดอะไรมา”
เมื่อปี 57 ผมถูกควบคุมตัวไปอยู่ค่ายทหารอีกครั้งเพราะไม่ยอมไปรายงานตัวกับ คสช. ทีแรกก็คิดว่าจะโดนฟ้องแค่ไม่ไปรายงานตัว แต่ที่ไหนได้ ผมโดน ม.112 และ ม.116 ด้วย
อ้าว..ไม่ไปรายงานตัวกับ คสช. โดน ม.112 ได้ยังไงงงมั๊ยครับ ถ้างงก็กลับไปที่เรื่องที่ผู้อำนวยการข่าวกรองฯ ขู่ผมเมื่อปี 50
เรื่องมีอยู่ว่าช่วงต้นปี 57 มีชายคนหนึ่งไปฟ้องว่าผมผิด ม.112 เพราะ Post รูปของแกนนำ กปปส. ตอนนั้นตำรวจเตรียมส่งเรื่องไป ปอท. เพราะต้องการหนังสือฉบับหนึ่งเพื่อทำการปิดสำนวนสั่งไม่ฟ้อง เพราะเจ้าพนักงานมองว่ามันไม่เข้า ม.112 แต่เนื่องจาก ปอท. ตั้งอยู่ที่ศูนย์ราชการ ที่พุทธอิสระไปปิดล้อมไว้ทำให้กระบวนการทางเอกสารทำไม่สำเร็จ สำนวนผมค้างอยู่ที่นั่น จนมาถูกจับหลังการรัฐประหาร และมีคำสั่งให้ค้นคดีทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อฟ้องผม
ทีนี้ก็โดนเจ้าพนักงานแจ้งข้อกล่าวหาจนได้ คดีนี้ผมสู้ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน ขอให้การเพิ่มเติมจนในที่สุดหัวหน้าพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นรองผุ้การตำรวจของจังหวัดร้อยเอ็ด มีคำสั่งไม่ฟ้องคดี ม.112 แต่เรื่องยังไม่จบ
ตามที่ทราบกันดีว่าผมโดนคำสั่งคสช. อายัดบัญชีธนาคาร ผมตัดสินใจขายข้าวลายจุด ขายได้ 21 วัน ตำรวจตั้ง Warroom สกัดผมตั้งแต่วันแรกที่ผมเริ่มขาย ผมรู้ได้ยังไงเหรอ ก็เพราะมีคนที่นั่งอยู่ใน Warroom นั้นสะกิดแจ้งให้ผมทราบ จนวันหนึ่งข้าวลายจุดถูกเสธไก่อู โฆษก คสช. ในเวลานั้นกล่าวร้ายว่าข้าวลายจุดกำลังทำลายกลไกตลาดข้าวไทย
มีตำรวจสันติบาลคนหนึ่งติดต่อขอเข้าพบเพื่อคุยเรื่องข้าวลายจุด ผมก็ให้เข้าพบด้วยดี ตำรวจท่านนั้นบอกผมว่าผมควรหยุดขายข้าวได้แล้ว เพราะมันมีผลทางการเมือง ผมบอกตำรวจว่าถ้าผมทำผิดกฏหมายเรื่องการขายข้าวตรงไหนก็ให้แจ้งความผมได้เลย และประโยคสุดท้ายที่ตำรวจท่านนั้นพูดกับผมคือ “เชื่อผมเถอะว่า คุณไม่มีทางขายข้าวลายจุดได้ต่อหรอก” แล้วเขาก็เดินออกไป
วันรุ่งขึ้น ตำรวจส่งหนังสือที่ลงชื่อโดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันม่วง ผบ.ตร. คนที่เคยเป็นข่าวไปยืมเงินเสี่ยเจ้าของอาบอบนวด 300 ล้านคนนั้นแหละ หนังสือฉบับนี้คือ หนังสือยืนคำสั่งฟ้องแย้งความเห็นของหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดี ม.112 สุดท้ายผมตัดสินใจหยุดขายข้าวลายจุด ปิดตำนานข้าวถุงที่ทำลายกลไกตลาดข้าวไทยในที่สุด
เล่ามาถึงตรงนี้เพื่อจะบอกว่า พวกเขาใช้ ม.112 เพื่อเหตุผลทางการเมือง คนพวกนี้สวมชุดทหารถือปืนไปที่บ้านที่ลูกสาวผมอยู่ เอารถทหารไปดักรอรับลูกสาวผมอยู่หน้าโรงเรียนแล้วบอกว่าจะพาไปรับทุนการศึกษาที่ค่ายทหาร ทุเรศขนาดนั้นก็เคยทำมาแล้ว
ปล.คดี ม.112 ของผมเรื่องไปถึงอัยการจังหวัดมีความเห็นไม่ฟ้อง และอัยการภาคมีคำสั่งไม่ฟ้อง ปิดคดี ม.112 ของผมในที่สุด