บก. ลายจุด เล่าประสบการณ์เมื่อโดนข้อหา ม. 112

ภาพจาก มติชนสุดสัปดาห์

หลัง “ทราย เจริญปุระ” และอีกหลายคน เจอหมายเรียกคดี 112 ล่าสุด บก. ลายจุด ออกมาเคลื่อนไหว โดยเล่าประสบการณ์เมื่อครั้งตัวเองโดนข้อหา ม. 112

วันที่ 18 ธันวาคม 2563 นายสมบัติ บุญงามอนงค์ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก เล่าประสบการณ์เมื่อโดนข้อหา ม.112 ข้อความดังนี้

เมื่อผมโดน ม.112

เมื่อปี 50 ผมไปรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่ บขส. เชียงราย ทหารลากตัวผมลงจากบนหลังคารถแล้วพาไปกักตัวที่ค่ายทหาร ผมถูกนายทหารที่อยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการข่าวกรองของกองทัพภาคที่ 3 สอบอย่างหนัก เอาโคมไฟส่องใส่หน้าแบบที่เราเห็นในหนัง พร้อมกับประโยคจำขึ้นใจว่า “ผมจะเอาผิดทางกฏหมายทุกเรื่องตั้งแต่คุณเกิดมา และ จะเอาผิดญาติพี่น้องคนอื่นด้วยไม่ว่าเขาเคยทำความผิดอะไรมา”

เมื่อปี 57 ผมถูกควบคุมตัวไปอยู่ค่ายทหารอีกครั้งเพราะไม่ยอมไปรายงานตัวกับ คสช. ทีแรกก็คิดว่าจะโดนฟ้องแค่ไม่ไปรายงานตัว แต่ที่ไหนได้ ผมโดน ม.112 และ ม.116 ด้วย

อ้าว..ไม่ไปรายงานตัวกับ คสช. โดน ม.112 ได้ยังไงงงมั๊ยครับ ถ้างงก็กลับไปที่เรื่องที่ผู้อำนวยการข่าวกรองฯ ขู่ผมเมื่อปี 50

เรื่องมีอยู่ว่าช่วงต้นปี 57 มีชายคนหนึ่งไปฟ้องว่าผมผิด ม.112 เพราะ Post รูปของแกนนำ กปปส. ตอนนั้นตำรวจเตรียมส่งเรื่องไป ปอท. เพราะต้องการหนังสือฉบับหนึ่งเพื่อทำการปิดสำนวนสั่งไม่ฟ้อง เพราะเจ้าพนักงานมองว่ามันไม่เข้า ม.112 แต่เนื่องจาก ปอท. ตั้งอยู่ที่ศูนย์ราชการ ที่พุทธอิสระไปปิดล้อมไว้ทำให้กระบวนการทางเอกสารทำไม่สำเร็จ สำนวนผมค้างอยู่ที่นั่น จนมาถูกจับหลังการรัฐประหาร และมีคำสั่งให้ค้นคดีทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อฟ้องผม

ทีนี้ก็โดนเจ้าพนักงานแจ้งข้อกล่าวหาจนได้ คดีนี้ผมสู้ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน ขอให้การเพิ่มเติมจนในที่สุดหัวหน้าพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นรองผุ้การตำรวจของจังหวัดร้อยเอ็ด มีคำสั่งไม่ฟ้องคดี ม.112 แต่เรื่องยังไม่จบ

ตามที่ทราบกันดีว่าผมโดนคำสั่งคสช. อายัดบัญชีธนาคาร ผมตัดสินใจขายข้าวลายจุด ขายได้ 21 วัน ตำรวจตั้ง Warroom สกัดผมตั้งแต่วันแรกที่ผมเริ่มขาย ผมรู้ได้ยังไงเหรอ ก็เพราะมีคนที่นั่งอยู่ใน Warroom นั้นสะกิดแจ้งให้ผมทราบ จนวันหนึ่งข้าวลายจุดถูกเสธไก่อู โฆษก คสช. ในเวลานั้นกล่าวร้ายว่าข้าวลายจุดกำลังทำลายกลไกตลาดข้าวไทย

มีตำรวจสันติบาลคนหนึ่งติดต่อขอเข้าพบเพื่อคุยเรื่องข้าวลายจุด ผมก็ให้เข้าพบด้วยดี ตำรวจท่านนั้นบอกผมว่าผมควรหยุดขายข้าวได้แล้ว เพราะมันมีผลทางการเมือง ผมบอกตำรวจว่าถ้าผมทำผิดกฏหมายเรื่องการขายข้าวตรงไหนก็ให้แจ้งความผมได้เลย และประโยคสุดท้ายที่ตำรวจท่านนั้นพูดกับผมคือ “เชื่อผมเถอะว่า คุณไม่มีทางขายข้าวลายจุดได้ต่อหรอก” แล้วเขาก็เดินออกไป

วันรุ่งขึ้น ตำรวจส่งหนังสือที่ลงชื่อโดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันม่วง ผบ.ตร. คนที่เคยเป็นข่าวไปยืมเงินเสี่ยเจ้าของอาบอบนวด 300 ล้านคนนั้นแหละ หนังสือฉบับนี้คือ หนังสือยืนคำสั่งฟ้องแย้งความเห็นของหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดี ม.112 สุดท้ายผมตัดสินใจหยุดขายข้าวลายจุด ปิดตำนานข้าวถุงที่ทำลายกลไกตลาดข้าวไทยในที่สุด

เล่ามาถึงตรงนี้เพื่อจะบอกว่า พวกเขาใช้ ม.112 เพื่อเหตุผลทางการเมือง คนพวกนี้สวมชุดทหารถือปืนไปที่บ้านที่ลูกสาวผมอยู่ เอารถทหารไปดักรอรับลูกสาวผมอยู่หน้าโรงเรียนแล้วบอกว่าจะพาไปรับทุนการศึกษาที่ค่ายทหาร ทุเรศขนาดนั้นก็เคยทำมาแล้ว

ปล.คดี ม.112 ของผมเรื่องไปถึงอัยการจังหวัดมีความเห็นไม่ฟ้อง และอัยการภาคมีคำสั่งไม่ฟ้อง ปิดคดี ม.112 ของผมในที่สุด