“บิ๊กตู่”ใช้เวลาเตรียมงานสำคัญของชาติ สร้างสมดุลภายใน-นอกประเทศ ติดตามแก้ไขปัญหาบ้านเมือง

“บิ๊กตู่”ใช้เวลาเตรียมงานสำคัญของชาติ สร้างสมดุลทั้งภายใน-นอกประเทศ พร้อมติดตามข้อสั่งการและริเริ่มสิ่งใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาพัฒนาบ้านเมือง

เมื่อวันที่ 20 ต.ค. พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการใช้เวลาในแต่ละวันให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยในช่วงนี้นอกจากจะเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งเป็นพระราชพิธีที่สำคัญยิ่งของทั้งรัฐบาลและคนไทยทุกหมู่เหล่าแล้ว ยังได้เรียกประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาของประเทศ เช่น ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า รวมทั้งวางแผนบริหารจัดการน้ำในระยะยาวด้วย

“นายกฯ มีโอกาสได้ติดตามงานที่ได้สั่งการไปก่อนหน้านี้ เพื่อรับทราบปัญหาและอุปสรรคจากการปฏิบัติ และหาวิธีแก้ไขให้ลุล่วง รวมทั้งริเริ่มสิ่งใหม่ให้หน่วยงานรับไปดำเนินการ ส่วนการส่งเสริมความเข้าใจอันดีและการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศนั้น นายกฯ อยู่ระหว่างเตรียมข้อมูลร่วมกับส่วนราชการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมที่สำคัญในเดือน พ.ย.60 คือ การประชุมผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก (APEC) ณ ประเทศเวียดนาม และการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (ASEAN Summit and Related Meetings) ณ ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนมากที่สุด” พล.ท. สรรเสริญ กล่าว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้แสดงความยินดีกับตัวแทนเยาวชนไทยที่ไปเข้าร่วมการแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ ครั้งที่ 44 ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งสามารถคว้าเหรียญรางวัลกลับมาฝากคนไทยได้สำเร็จถึง 14 เหรียญ ประกอบด้วย เหรียญเงินสาขาประกอบอาหาร 1 เหรียญ และเหรียญฝีมือยอดเยี่ยมอีก 13 เหรียญ จากสาขาโพลีเมคคานิกส์และระบบอัตโนมัติ สาขาเมคคาทรอนิกส์ สาขาเครื่องจักรกล CNC (เครื่องกลึงและเครื่องกัด) สาขาเทคโนโลยีงานเชื่อม สาขาเทคโนโลยีระบบไฟฟ้าภายในอาคาร สาขาก่ออิฐ สาขาเสริมความงาม สาขาจัดดอกไม้ สาขาแฟชั่นเทคโนโลยี สาขาบริการอาหารและเครื่องดื่ม และสาขาเทคโนโลยีระบบทำความเย็น

“นายกฯ ได้ให้กำลังใจผู้ที่พลาดเหรียญรางวัลในสาขาอื่น ๆ โดยย้ำว่าถือเป็นโอกาสที่ทุกคนได้เรียนรู้และมีประสบการณ์มากขึ้น เพื่อนำไปพัฒนาฝีมือของตนเองให้ดีขึ้นต่อไป นอกจากนี้ ยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับประเทศไทย ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฝีมือแรงงานระดับอาเซียนในปลายปีหน้าอีกด้วย”