“เพื่อไทย” ติดหล่มแพแตก พรรคใหม่ “สุดารัตน์” เปิดดีล ส.ส.

อาจเป็นเพราะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การเมืองไม่อยู่ในวิถีปกติกลบวาระยื่นซักฟอก-อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เงียบยิ่งกว่าเงียบ จนถูกเพ่งเล็งว่า อาจขึ้นเวทีชกไม่สมศักดิ์ศรีอีกครั้ง

แถมเจอ “ก้าวหน้า-ก้าวไกล” หยิบวาระเสี่ยงทะลุเพดาน ปมจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 รวบซีนการเมืองไว้ที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานก้าวหน้า คู่ขนานกับพรรคก้าวไกลในสภา ประกาศวาระแก้ไขมาตรา 112 ที่พรรคเพื่อไทย ยอมเป็นแค่คนนั่งดูข้างสนาม

ในทางกลับกัน บรรยากาศในพรรคเพื่อไทยเวลานี้ยังไม่ค่อยสู้ดี ปล่อยข่าวใต้ดินบนดิน ทิ่มแทงกันเองนับครั้งไม่ถ้วน

ทีมดูไบยึดอำนาจ

ย้อนไปตั้งแต่ทีมนายใหญ่ดูไบ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” และเครือข่าย “ชินวัตร” ปฏิวัติยึดอำนาจทีม “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” เจ้าแม่ กทม. ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 กระทั่งลาออกทุกตำแหน่ง 30 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน

ทีมนายใหญ่ดูไบนำอดีตมันสมองในยุค “ไทยรักไทย” รุ่งเรือง ทั้ง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช 2 แกนนำกลุ่มแคร์ กลับมาเสริมทีมบริหาร เป็น think tank ให้กับพรรค และมี “ภูมิธรรม เวชยชัย” อดีตพ่อบ้านเพื่อไทยเป็นแกนกลาง ประสานกับ “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล เป็นออร์แกไนซ์ อยู่เบื้องหลัง “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรคคนปัจจุบัน

คนที่ไม่เคยกลับมาทำงานในยุค “สุดารัตน์” เป็นใหญ่ก็ทยอยกลับมา เช่น นพดล ปัทมะ สุธรรม แสงประทุม พิชัย นริพทะพันธุ์

ตั้งเป้าลดความขัดแย้ง-รอยร้าวภายในพรรคที่เกิดรอยร้าวตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 โดยเฉพาะการล้างภาพ “พรรคอีเวนต์” รื้อ “ระบบเส้นสาย”โปรโมตแต่พรรค-พวกตนเอง “ในยุคเจ๊”

ตั้งกรรมการ 1 โหลคุมพรรค

ภารกิจใหญ่ตามหน้าเสื่อ ที่ต้องทำตามธงคือ “กระจายอำนาจ” ภายใน ให้ ส.ส.ทุกกลุ่ม-ทุกก๊วน จึงมีการตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ นับนิ้วคร่าว ๆ 13-14 คณะ

ที่เป็นไฮไลต์คือการตั้ง “คณะกรรมการการเมือง” แทนคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ที่มีมาเนิ่นนาน โดยมอบหมาย “นายชัยเกษม นิติศิริ” เป็นประธานทำหน้าที่กำหนดแผนงานประจำสัปดาห์ในวันจันทร์ ประชุมพรรคในวันอังคาร จ่ายงานให้ ส.ส.ทำ ตามสถานการณ์

กับล่าสุดในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 “เพื่อไทย” ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกอย่างน้อย 2 คณะ คณะแรกคือ คณะกรรมการประสานโซน แบ่งพื้นที่ 21 โซน คือ ภาคเหนือ 2 โซน, ตะวันออกเฉียงเหนือ 4 โซน, ภาคกลาง 5 โซน, กทม. 6 โซน และภาคใต้ 4 โซน

วางกรอบภารกิจคือทำหน้าที่เป็นแมวมองการค้นหาคนการเมือง รวบรวมข้อมูลจัดสร้างนโยบายที่ตรงกับความต้องการประชาชน

ไขปริศนาดองทีมเจ๊

เพียงไม่กี่เดือนหลัง “ทีมทักษิณ” ควบคุมบริหารพรรคเบ็ดเสร็จ ตั้งคณะกรรมการไปแล้วเกิน 1 โหล แต่สวนทางกับผลลัพธ์ที่ประจักษ์สายตาสาธารณชนภาพความขัดแย้งคุกรุ่นยังอยู่ในพรรค และการตัดสินใจสุดท้าย ยังขึ้นกับ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” แห่งดูไบและทีมหลังบ้านชินวัตร

แม้ว่า “คุณหญิงสุดารัตน์” จากไปแล้วแต่ ส.ส.ลูกน้องที่เคยเกาะเจ้าแม่ กทม.ยังไม่ได้หายไปไหน

บ้างลดบทบาทตัวเอง บ้างถูกลดบทบาทข่าวลือ-ข่าวปล่อยจึงลอยออกมาว่า ลูกน้องการเมือง เจ้าแม่ กทม.ทั้ง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. รองหัวหน้าพรรคเบอร์ 1 สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ประธานวิปฝ่ายค้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้วส.ส.น่าน ถูกกักบริเวณการเมือง ไม่ให้ร่วมซีนซักฟอก

โดยมี “ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” ส.ส.มหาสารคาม มือแฉพรรคเพื่อไทย สายนายใหญ่ดูไบ เป็นประธาน รวบรวมข้อมูลศึกซักฟอก กั้นวงไม่ให้เข้าร่วม

แต่เมื่อไปถาม ส.ส.ที่ไม่อยู่ในสายนายใหญ่ แต่รับรู้เรื่องราววงใน คำตอบที่ได้กลับไม่ชัวร์ เรื่องหัวขบวนซักฟอกเป็น โจ้-ยุทธพงศ์ หรือไม่ ราวกับว่าพรรคเพื่อไทย กับทีมดูไบ เดินคนละคีย์ ส.ส.ไม่รู้เรื่องการตั้งประธานซักฟอก

ในการประชุมผ่านซูม ผู้บริหารพรรคเพียงแค่ให้ ส.ส.ช่วยกันส่ง ช่วยกันหาข้อมูล ศึกซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจเท่านั้น หากอาจมีแต่เรื่องเดิม ๆ เน้นหนักไปที่การบริหารบกพร่องช่วงโควิด-19

ทีเด็ดทีขาด อาจแพ้ “ก้าวไกล” พรรคข้างบ้าน ซ้ำรอยชกไม่เต็มแรง เหมือนศึกซักฟอกคราวก่อน

ปมถอนชื่อถอด “สิระ” ยังไม่จบ

อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นชัดว่า เพื่อไทยยังไม่ลงรอย-ไม่เป็นหนึ่งเดียว เกี่ยวกับปมอุบัติเหตุยื่นถอดถอน “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ถูกศาลรัฐธรรมนูญ “ตีตก” เพราะดันมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย 2 คน ไปถอนชื่อ จากที่ถอนชื่อไปก่อนหน้านี้ไปแล้ว 10 คน

คือ นางอนุรักษ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร และ นางอาภรณ์ สาราคำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ทำให้ชื่อไม่ถึง 50 ชื่อ

เพื่อไทย จึงเปิดการสอบสวน พบว่ามี “หนอนบ่อนไส้” เป็น ส.ส. 1 คน โน้มน้าวให้ ส.ส.เพื่อไทย 12 คนถอนชื่อ

และชื่อที่ปรากฏมา คือ “ชัยยันต์ ผลสุวรรณ์” ส.ส.ปทุมธานี เพื่อไทย ว่าเป็น ส.ส.ที่ “บงการ”
อย่างไรก็ตาม “ชัยยันต์” กล่าวผ่านสื่อมวลชนว่า ได้ให้ข้อมูลกับคณะกรรมการตรวจสอบไปแล้ว และได้โทรศัพท์ไปสอบถาม นายประเสริฐ เลขาธิการพรรค ซึ่งนายประเสริฐบอกว่าตรวจสอบ ส.ส.ไปครึ่งหนึ่งที่ถอนชื่อในรอบแรกแล้ว ไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงขอให้นายประเสริฐช่วยชี้แจงให้สื่อทราบด้วย

กระนั้นในวันประชุมพรรคเพื่อไทย 19 มกราคม 2563 ยังคุยเรื่องการถอนชื่อดังกล่าวไม่จบ กระทั่ง ส.ส.รายหนึ่งที่มีชื่ออยู่ใน 12 คน ต้องการันตีว่า “เงินแค่นี้มาซื้อไม่ได้ ไม่เคยรับเงินจากคู่แข่ง”

หลอนนายใหญ่ ต้นเหตุยุบพรรค

อีกเรื่องที่ทำให้เห็นร่องรอยความขัดแย้งไม่จบ-ไม่สิ้น คือ กรณี “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ดูไบ ทั้งทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์-อัดคลิป เป็นโปรโมเตอร์สนับสนุนผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ในศึกเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เมื่อปลายปี 2563

จนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งประเด็นสอบว่า “ทักษิณ” ที่ไม่ได้เป็น “สมาชิกพรรค” ครอบงำเพื่อไทยหรือไม่

ในห้องประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) มี กก.บห.บางรายที่หวั่นวิตกว่าจะทำให้เกิดการยุบพรรค แต่ส่วนใหญ่มองว่า “ทักษิณ” เชียร์ผู้สมัคร
ในฐานะ “คนไทยทั่วไป” ไม่ผิดกฎหมาย

แต่ก็มีเสียงกดดันไปถึง “หัวหน้าสมพงษ์” และ “เลขาฯประเสริฐ” ให้ทำหนังสือบันทึกการโต้แย้งไว้เป็น “ลายลักษณ์อักษร” เรียกถึงขั้นว่าคือการต่อสู้แบบ “เสรีไทย” หากถึงนาทีเป็นนาทีตายจะได้งัดเอกสารโต้แย้งมาใช้กับ กกต.-ศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่แว่วว่าหนังสือดังกล่าวกลับถูกทีมผู้บริหารพรรค ริบไป-ไม่คืน

ดังนั้น สถานะคนในพรรคเพื่อไทยจึงมีอยู่หลายจำพวกในเวลานี้

ทั้งอยู่แบบทนอยู่ กลืนไม่เข้า-คายไม่ออก นอกจากไม่ได้รับน้ำเลี้ยง ยังเสียว ๆโดนหางเลขจากเหตุยุบพรรค อยู่แบบรอวันไป โดยเฉพาะ ส.ส.สายเจ้าแม่ กทม. อยู่แบบงูเห่า รับเงินจากศัตรูเป็นจ็อบ ๆ โหวตเป็นครั้งคราว

เจ๊หน่อยโหมอีเวนต์-ตั้งพรรค

ขณะที่คนจากไป “คุณหญิงสุดารัตน์” โหมอีเวนต์การเมือง ทุกวัน-ทุกสัปดาห์ ตั้งแต่เปิดปีใหม่ งานบุญ งานโควิด ไม่เว้นว่าง บางครั้งหนีบศิษย์รักอย่าง “น.อ.อนุดิษฐ์” ไปร่วมวงสัญจรพบปะชาวบ้าน

ความคืบหน้าการตั้งพรรค “ไทยสร้างไทย” อยู่ในการตรวจสอบเอกสารจาก กกต. ติดปัญหาทางเทคนิคเล็กน้อย อาจใช้เวลาไม่นานเกินรอก็จะได้เห็นพรรคการเมืองของเจ้าแม่ กทม. กลับมาอยู่ในสังเวียนการเมือง เวลานี้เซตอัพทีมยุทธศาสตร์ ทีมนโยบาย ทีม พี.อาร์. ไว้พร้อมสรรพ

ส่งสัญญาณไปถึงเพื่อไทย ให้ ส.ส.เพื่อไทยหวั่นไหว กระทั่งมี ส.ส.ในพรรคพูดกันปากต่อปาก เรื่องค่าตัว ค่าเลี้ยงดู จ่ายเป็น “รายเดือน” ล่วงหน้า

คนในพรรคเพื่อไทยรับรู้การตั้งพรรคของ “เจ๊หน่อย” ว่า ใช้มือประสาน คู่เขย “อนุดิษฐ์-บิ๊กกี่” พล.อ.นพดล อินทปัญญา ส.ว. เพื่อนรักบิ๊กบราเธอร์ พล.อ.ประวิตร ในการหาทุนรอนตั้งพรรค


แม้ว่า “บิ๊กกี่” จะรีบชิงปฏิเสธ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้