“ม็อบราษฎร” รื้อต้นไม้-ขึงผ้าแดง คลุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

รื้อต้นไม้ เกลี้ยงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย “ม็อบราษฎร” ขึงผ้าแดง คลุมกลางนคร “ครูใหญ่” ประกาศให้เวลา 7 วัน ปล่อยประชาชนที่ถูกคุมขัง เคลื่อนพลไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ศาลหลักเมือง

วันที่ 13 กุมภาพันธ์  2564 ผู้สื่อข่าวรายงาน กลุ่มราษฎร นัดหมายทำกิจกรรม “นับ 1 ให้ถึงล้าน คืนอำนาจประชาชน” ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 17.50 น. ผู้ชุมนุมหลังประชาชนเข้ารื้อต้นไม้บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการนำมาจัดเรียงเป็นเลข 112 ตามที่ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ประกาศ ส่งผลให้ผิวจราจรในวงเวียนปรากฏเลข 112 ที่เรียงจากไม้ดอกไม้ประดับในจุดต่าง ๆ จำนวนมาก

ขณะที่บรรยากาศบริเวณรอบฐานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการนำภาพ ผู้ต้องหา 4 ราย ที่ถูกควบคุมตัวได้แก่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ,นายอานนท์ นำภา , นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ไปจัดวางไว้

ต่อมาเวลา 18.00 น. มีการจัดเตรียมผ้าแดง 30 เมตร ที่ให้ประชาชนเขียนแสดงความเห็นเกี่ยวกับการรัฐประหาร การเสียชีิวตของผู้ที่ต่อสู้ทางการเมือง เรื่องการรณรงค์ให้มีการแก้ไข หรือยกเลิกกฎหมายอาญา ม.112 ไปขึงล้อมบนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ด้านนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ กลุ่มขอนแก่นพอกันที แกนนำราษฎร เปิดเผยว่า ภายใน 7 วัน ถ้าไม่มีสัญญาณเรื่องเสรีภาพของแกนนำราษฎรทั้ง 4 ที่ถูกคุมขังในเรือนจำ จะเปิดศึกใหญ่ รวมกำลังจากทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือ อีสาน มาชุมนุมที่กรุงเทพมหานคร และล่าสุดมีการประกาศมุ่งหน้าไปศาลหลักเมืองกันต่อ เพื่อทวงคืนจิตวิญญาณเมืองให้กลับมาเป็นของราษฎร

ระหว่างการเคลื่อนขบวน พบว่ามีการปะทะกันเล็กน้อย ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการ์ดของผู้ชุมนุมบริเวณสะพานผ่านพิภพลีลาศ จะสามารถฝ่าด่านของตำรวจออกไปได้ โดยมีตำรวจชุดควบคุมฝูงชนกว่า 1 กองร้อย และนำรถฉีดน้ำแรงดันสูง 2 คัน ตรึงกำลังอยู่หลังแนวรั้วลวดหนามกับแบริเออร์ หน้าพระบรมมหาราชวัง ขณะที่ตำรวจ สน.พระราชวัง ประกาศสั่งยุติการชุมนุม

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอให้แกนนำมาเจรจากับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากว่า ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น

เวลา 19.05 น. รถปราศรัยและมวลชนปักหลักหน้าศาลฎีกา นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ ขอนแก่นพอกันที ย้ำว่า ขอให้ราษฎรนั่งลง เราไม่มีนโยายการบุกเข้าไปยังสถานที่ใด ขอให้ทุกคนอยู่หลังแนว

เวลา 19.15 น. ประชาชนลุกขึ้น นายอรรถพลกล่าวย้ำว่า ขอให้ทุกคนหยุด ขยับกลับเจ้ามาอยู่ในแนว ถอย 5 ก้าว ขอให้คนถือธงพามวลชนกลับมา

ขณะที่ นายอรรถพล หรือ ครูใหญ่ พร้อมประชาชนร่วมกันตะโกน ‘กลับมาๆๆๆๆ’เพื่อเรียกมวลชนบางส่วนให้กลับมา หลีกเลี่ยงการปะทะที่อาจสร้างเงื่อนไขบางประการ

นายนันทพงศ์ ปานมาศ หรือกุ๊ก เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตยกล่าวบนรถเครื่องเสียงว่า ขอให้อย่าสร้่างเงื่อนไขให้เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง อีกสักครู่จะส่งตัวแทนไปเจรจา

“เราต้องการความเท่าเทียมที่จะนำพาประชนชนให้ก้าวไปข้างหน้า ถึงเวลาแล้วที่ประยุทธ์ และองคาพยพจะต้องออกไป” นายนันทพงศ์กล่าว

เวลา 19.20 น. รถปราศรัยเคลื่อนไปข้างหน้า ในขณะที่ประชาชนนั่งปักหลักบนถนนหน้าศาลฎีกาเกือบเต็มพื้นที่ คะโกน ‘ปล่อยเพื่อนเรา’ เพื่อเรียกร้องให้ปล่อย 4 แกนนำและว่า “เราจะสู้จนกว่า 3 ข้อเรียกร้องจะชนะ”

เวลา 19.43 น. ผู้สื่อข่าวรายงานกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ ปิดไฟบนรถควบคุมฝูงชนใส่มวลชน พร้อมจู่โจมเข้าไปยังเจ้าหน้าที่ ขณะที่มีเพียงแกนนำเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ หยุดทำร้ายประชาชน พร้อมให้กลับมาปักหลักยังจุดเดิม

ต่อมาในช่วงเกือบ 2 ทุ่ม แกนนำม็อบราษฎรได้เข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางเจ้าหน้าที่อนุญาตให้แกนนำราษฎรจำนวน 4 คน เดินทางเข้าแนวกั้นและเข้าสักการะศาลหลักเมืองได้ ขณะเดียวกันผู้ชุมนุมได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปิดไฟที่อยู่บนรถควบคุมฝูงชน

ข่าวสด รายงานว่า เวลา 19.40 น มวลชนนับถอยหลัง พร้อมตะโกน “ปิดไฟ” เกิดการชุลมุน และมีเสียงดังคล้ายระเบิดโดยประชาชนบางส่วนตะโกนว่า พี่น้องกลับมา อย่าถอย

19:41 น. มีเสียงประทัดหลายลูก ไม่ทราบฝ่าย และมวชนปาสิ่งของใส่ ต่อต้านการคุกคามจากเจ้าหน้าที่จากแสงไฟ แกนนำประกาศให้ใจเย็นๆและตั้งแนวอีกครั้ง 19.46 น. รถฉีดน้ำสตาร์ทเครื่อง ตำรวจตั้งแถวเป็นแนวรอบรถฉีดน้ำ 19.49 แกนนำประกาศให้พี่น้องถอยมา อย่าอยู่เกินแนวรั้ว เพราะเจ้าหน้าที่ยอมทำตามข้อเรียกร้องเบื้องต้นที่ให้ปิดไฟและหยุดใช้เสียงแล้ว และแกนนำจะเข้าไปเจรจากับตำรวจ

เวลา 20.05 น. มวลชนปรบมือให้ตัวแทน แกนนำราษฎร ที่เข้าไปทำพิธีเจรจากับศาลหลักเมือง 20.05 น. มีชายหัวเกรียนใส่ชุด มา 1 คันรถ ลงมาในวงล้อม คฝ. พร้อมหมวดเซฟตี้ 20.15 น. มีกิจกรรมสาดสี

เวลา 20.22 น. แกนนำประกาศ ถอยรถเครื่องเสียง และยุติการชุมนุม ย้ำให้ผู้ชุมนุมกลับบ้าน ต่อมาพบเสียงรถหวอเข้ามาพื้นที่มาเป็นระยะ ผู้รับผู้บาดเจ็บ หลังเกิดเสียงคล้ายระเบิดบริเวณที่ชุมนุม ซึ่งได้ประกาศยุติและให้ผู้ชุมนมกลับบ้าน