“แอมมี่” สารภาพเหตุไม่ไปร่วมกิจกรรม-นอนเตียงผู้ป่วยมาฟังคำสั่งฟ้อง

แอมมี่นอนเตียงมาศาล

“แอมมี่” เดินทางไปรับฟังคำสั่งฟ้อง คดี 112 และ 116 ในสภาพนอนเตียงผู้ป่วย ปิดตา 1 ข้าง เจ้าตัวถือโอกาสโพสต์เฟซบุ๊กชี้แจง เป็นโรคกระจกตาโป่งพอง เลยไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมในระยะหลัง 

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร จำนวน 18 คน ประกอบด้วย นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง”, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่”, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์”, นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ “ครูใหญ่”, นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ “ไบร์ท”, นายชูเกียรติ แสงวงศ์, นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา หรือ “แอมป์”, นายณัทพัช อัคฮาด, นายธนชัย เอื้อฤาชา, นายธนพ อัมพะวัติ, นายธานี สะสม, นายภัทรพงศ์ น้อยผาง, นายสิทธิทัศน์ จินดารัตน์, นางสาวสุวรรณา ตาลเหล็ก, นายอดิศักดิ์ สมบัติคำ, นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ “ฟอร์ด เส้นทางสีแดง”, นายณัฐชนน ไพโรจน์ และ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ “แอมมี่ the bottom blues”

เดินทางไปรับฟังคำสั่งฟ้องจากคดีชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ในมาตรา 112 มาตรา 116 และมาตรา 215 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด โดยมีกลุ่มผู้สนับสนุนนำกุหลาบมามอบให้เพื่อเป็นกำลังใจ

โดยเฉพาะในรายของ “แอมมี่” ซึ่งปรากฏตัวด้วยการถอดเสื้อนอนเตียงผู้ป่วยและปิดตาข้างซ้าย ซึ่งภายหลังเจ้าตัวโพสต์ชี้แจงในเฟซบุ๊กว่า ผมมีเรื่องจะสารภาพกับทุกคน ที่ผมไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมในระยะหลัง จนสลิ่มพากันตีโพยตีพายว่าผมหงอแล้ว เพราะโดนคดีเยอะ ความจริงสิ่งที่ผมไม่ได้บอกคือ ผมเป็นโรคกระจกตาโป่งพอง (Keratoconus) ผมเป็นมาหลายปีแล้วและไม่มีโอกาสได้ผ่าตัด

วันนี้ผมได้ขอเลื่อนทางตำรวจแล้ว แต่ตำรวจยืนกรานว่าอัยการไม่อนุญาติ ผมจึงจำเป็นต้องมาเพราะหากขาดผม ตำรวจจะออกหมายจับอีก 17 คนทันที เนื่องด้วยเป็นคดีกลุ่ม

แอมมี่สารภาพสาเหตุไม่ไปรวมม๊อบ

สำหรับทั้ง 3 คดี ที่พนักงานอัยการสั่งฟ้อง 18 แกนนำ พร้อมแนวร่วมคณะราษฎร ได้แก่

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี”
  • ประมวลกฎหมาย มาตรา 116 ผู้ใดกระทําให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทําภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต
    (1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กําลังข่มขืนใจ หรือใช้กําลังประทุษร้าย
    (2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อ ความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ
    (3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินเจ็ดปี
  • มาตรา 215 ผู้ใดมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้าน นายอิทธิพร แก้วทิพย์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า วันนี้เป็นเพียงนัดส่งสำนวนคดีพร้อมผู้ต้องหา เพื่อให้อัยการพิจารณา ซึ่งมีผู้มารายงานตัวตามนัดหมาย 17 คน จากทั้งหมด 18 คน โดย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน เลื่อนเข้าพบอัยการ เนื่องจากอยู่ระหว่างการทำกิจกรรมเคลื่อนขบวนเดินทางจากจังหวัดนครราชสีมา มายังกรุงเทพฯ

ส่วนผู้ที่มารายงานตัววันนี้ ได้แจ้งให้ทั้งหมดมาฟังคำสั่งฟ้องอีกครั้งในวันที่ 8 มีนาคมนี้ ยืนยันว่าไม่มีการควบคุมตัวผู้ใด