สถานีต่อไปสู้คดี ศาล-ป.ป.ช. ฝ่ายค้านแจ้งข้อหา 4 รัฐมนตรี

 

รายงานพิเศษ

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอบนี้มีบางช่วงที่ถึงขั้นดุ เด็ด เดือด กว่ารอบปี 2563 มิใช่ “มวยล้ม” จนคนดูเซ็งตลอดทั้งรายการแบบคราวก่อน

อาจเป็นเพราะฝ่ายค้านเตรียมตัว เก็บข้อมูล ไม่แพร่งพรายให้คู่แข่งรู้ตัวแต่เนิ่น ๆ หวงความลับรั่วไหลยิ่งกว่า จงอางหวงไข่ ขนาดฝ่ายค้านด้วยกันเอง ในการประชุมแกนนำพรรคฝ่ายค้านที่คุยกันเรื่อง “ญัตติซักฟอก” ยัง “ปิด” ข้อมูลระหว่างกัน บอกให้รู้แค่ “หัวข้อ”

แม้ในพรรคจะมีนายหน้า “ค้าข้อสอบ” ก็ถูกกันออกจากวงข้อมูลลับสุดยอด ไม่ให้รัฐบาลได้ไหวตัวทัน ไม้เด็ดเที่ยวนี้ บางประเด็นถึงขั้น “บีบ” ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องปรับคณะรัฐมนตรีภายใน 15 วัน อาจทำให้หลังจบศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “พล.อ.ประยุทธ์” มิอาจอยู่เฉย

เพราะไม่เพียงแรงกดดันจากพรรคฝ่ายค้านที่เปิดเกมเขย่าบัลลังก์ “พล.อ.ประยุทธ์” มาตลอดทั้งสัปดาห์ของฤดูกาลอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังต้องจับตาแรงกดดันจากในพรรคพลังประชารัฐ-พรรคร่วมรัฐบาล ที่จ้องเขี่ย-จ้องเสียบ รัฐมนตรีที่ถูกเปิดแผล

พท.รุกยื่น ป.ป.ช.-ศาล รธน.

ผลข้างเคียงจากศึกซักฟอก อีกประเด็นหนึ่งคือ การที่พรรคฝ่ายค้านโหมโรงตั้งแต่ยังไม่เปิดเวทีซักฟอก คือ การ “ซ้ำดาบสอง” ยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ่วงศาลรัฐธรรมนูญ เอาผิดถึง พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

พรรคเพื่อไทย เบื้องต้นเตรียมยื่นเอาผิด 4 กระทง กับ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย

กระทงแรก ทุจริตถุงมือยางของกระทรวงพาณิชย์ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ผู้เปิดประเด็นทุจริต แสดงความมั่นใจมากว่า หลักฐานที่นำมาเปิดในสภาผู้แทนราษฎรระหว่างการอภิปรายนั้น เอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ และ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ได้

“ทั้งหมดทุกข้อตามที่กล่าวมา หากพลเอกประยุทธ์ไม่ดำเนินการใด ๆ ภายใน 15 วัน นับแต่วันนี้ พลเอกประยุทธ์ต้องไปแก้ตัวที่ ป.ป.ช. และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และกฎหมาย ป.ป.ช. ในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงาน และเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดความเสียหายต่อหน่วยงานรัฐ ในฐานะที่พลเอกประยุทธ์เป็นหัวหน้าผู้บริหารราชการแผ่นดิน เป็นผู้บังคับบัญชาของนายจุรินทร์ และผู้กำกับควบคุม ดูแล องค์การคลังสินค้า (อคส.)” คำขู่ของประเสริฐในสภา

เลขาฯเพื่อไทยให้สัมภาษณ์นอกห้องประชุมสภาว่า เรื่องนี้จะใช้ช่องทางยื่นตรงไปที่ ป.ป.ช. ขณะที่การยื่นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะยื่นผ่านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เช่นเดียวกับที่ตนเคยยื่นเรื่องการอาศัยบ้านพักทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปี 2563

กระทงที่สอง “ประเสริฐ” กล่าวว่า นอกจากประเด็นถุงมือยางที่จะยื่น ป.ป.ช.แล้ว ยังเตรียมยื่นเอาผิด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จากข้อกล่าวหา ใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาประโยชน์เพื่อตนเอง พวกพ้อง ใช้กลไกเพื่อทุจริตอย่างเป็นระบบ อย่างแยบยล เกี่ยวกับโครงการกำจัดขยะด้วยระบบเตาเผา

กระทงที่สาม เป็น “นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” รมว.ศึกษาธิการ จากปมใช้อำนาจแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำในลักษณะกดขี่ข่มเหงข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้มีบุคคลหลายรายซึ่งเป็นพวกพ้องของตนเข้าสู่ตำแหน่ง และแสวงหาประโยชน์โดยการทุจริต

กระทงที่สี่ ยังจะยื่นเอาผิดฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ ในกรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่กระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 56 ที่บัญญัติว่า รัฐต้องจัดหรือดำเนินการให้มีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึงตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนรัฐต้องดูแลมิให้มีการจัดเก็บค่าบริการจนเป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร

ทั้งนี้ สาธารณูปโภคไปให้เอกชนดำเนินการ รัฐต้องได้รับผลประโยชน์ตอบแทนอย่างเป็นธรรม โดยคำนึงถึงการลงทุนของรัฐ ประโยชน์ที่รัฐและเอกชนจะได้รับ และค่าบริการที่จะเรียกเก็บจากประชาชนประกอบกัน

ก้าวไกลจัดหนักบ้านพักทหาร

ขณะที่ “พรรคก้าวไกล” มีแผนยื่น ป.ป.ช.แล้วแน่ ๆ 1 กระทง โดย “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ มืออภิปรายปมวัคซีน เปิดเผยว่า มีเรื่องที่ “ก้าวไกล” เตรียมยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. คือ กรณี พล.อ.ประยุทธ์ อาศัยในบ้านพักทหาร และต้องยื่นทวงถามทางกรมสรรพากรในฐานะผู้เสียหายว่าตกลงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ได้ยื่นภาษีหรือไม่

ซึ่งมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2536 ให้ถือค่าน้ำ ค่าไฟฟ่า ค่าแก๊ส ที่ได้จากการอาศัยในบ้านที่นายจ้างให้อยู่ เป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39, 40 ต้องนำไปคำนวณเพื่อยื่นเสียภาษี ภ.ง.ด.90, 91 ด้วย ค่าเช่าบ้าน และค่าซ่อมบ้านได้รับการยกเว้นจริง เช่น ถ้าเป็นบ้านหลวง คุณูปการของการซ่อมบ้านตกอยู่กับหลวง

“แต่เรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ ผลประโยชน์ตกอยู่กับตัวบุคคล ดังนั้น ต้องรวมเป็นรายได้และยื่นเสียภาษี สรรพากรเอาหลักฐานมายืนยัน”

นอกจากนี้ยังมีที่เข้าข่าย “พิจารณา” ดำเนินการต่อคือ ประเด็นที่ “ธีรัจชัย พันธุมาศ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ในประเด็นคดี นายวีรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง จากกรณีโยกย้ายข้าราชการตำรวจ เพื่อปกป้องผู้ต้องหา ยังต้องดูกฎหมายว่าจะยื่นร้องได้หรือไม่

อีกกรณีคือ ใช้อำนาจนอกระบบแทรกแซงในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ซึ่งทำลายระบบคุณธรรม ที่อภิปรายโดย “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นผู้อภิปราย

ไม่หยุดขอข้อมูลวัคซีน

ขณะที่ปมวัคซีนนั้น “วิโรจน์” ก็จะทวงถามต่อหลังจากจบอภิปรายไม่ไว้วางใจจะต้องตามความคืบหน้าในการยื่นเรื่องขอข้อมูลสัญญาวัคซีน ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ที่ได้ยื่นไปที่กระทรวงสาธารณสุข ก่อนหน้านี้ เพราะในสหภาพยุโรปมีการเปิดสัญญาแล้ว แต่ทำไมประเทศไทยยังไม่สามารถเปิดได้ ถ้าตามต่อแล้วตามไม่ได้ อย่างน้อยต้องได้รับการชี้แจงกลับว่าทำไมถึงไม่ให้ ต้องทำหนังสือทวงถาม

“หากเหตุผลไม่สมเหตุสมผลก็ต้องทำเรื่องอุทธรณ์ แล้วยังยืนอุทธรณ์ต้องใช้กลไกของศาลปกครอง ถ้าไม่ให้เลย ก็ต้องทำหนังสือทวงถามไปอีก 1 รอบ ถ้าจงใจเพิกเฉย จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่”

“อาจจะต้องไปที่ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ต้องไปฟ้องทุกข์ว่าประพฤติมิชอบเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยเบื้องต้นต้องทิ้งไว้ 14 วัน ก่อนจะดำเนินการ”

นอกจากนี้ พรรคเสรีรวมไทย ขู่ยื่นฟ้อง 3 ป. คือ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ต่อ ป.ป.ช. ปมทุจริตในองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกอีกกระทง

วอร์รูมรัฐบาล เอาคืน

อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงฝ่ายค้านเท่านั้นที่หยิบประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาไปสู่การฟ้องร้อง ป.ป.ช.และศาล หากแต่ทีมวอร์รูมซักฟอกฝ่ายรัฐบาลก็นำสิ่งที่ฝ่ายค้านซักฟอกไปเล่นงานนอกสภาด้วย

เช่น กรณีที่ “สุภรณ์ อัตถาวงศ์-ทศพล เพ็งส้ม” และคณะทีมวอร์รูมฝ่ายกฎหมายคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี คณะทำงานสนับสนุนผู้ถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ (สสอ.) แจ้งความต่อ บก.ปอท. ดำเนินคดีต่อ น.ส.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล

ในข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีที่ใช้คำพูดกล่าวหาโจมตีนายกรัฐมนตรีขณะอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วนำข้อความคำพูดดังกล่าวไปโพสต์ในสื่อโซเชียลจนได้รับความเสียหาย พร้อมกันนี้ยังมีหลักฐานว่า มีการใช้ถ้อยคำที่ก้าวล่วงสถาบัน

ขณะที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” แกนนำผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ก็ยื่นเอาผิด “สุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ต่อศาลอาญา กรณีอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฏร

แล้วมีการพาดพิงนายสุเทพ ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต้องมีส่วนรับผิดชอบกรณีโฮปเวลล์

พิษบาดแผลจากอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดุ เด็ด เดือด บาดเจ็บกันทุกฝ่าย