อัยการโยนบัวแก้วถอนพาสปอร์ต”ปู” ศาลยกคำร้อง “ภูมิ-บุญทรง”อุทธรณ์แล้ว

นาย สุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะรองหัวหน้าคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีจำนำข้าวและระบายข้าว กล่าวว่า คดีจำนำข้าวที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นจำเลยนั้นขณะนี้ถือว่าคดีเป็นที่สุดตามคำพิพากษาของศาล ฎีกาฯ แล้ว เพราะไม่ได้มีการยื่นอุทธรณ์คดี ในส่วนโจทก์เองนายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุดได้มีความเห็นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมาแล้วเห็นว่าศาลฎีกาฯ ได้พิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามบทลงโทษที่ได้ยื่นฟ้องคดีแล้วจึงไม่ได้ยื่นอุทธรณ์อีกต่อไป และเมื่อคดีถึงที่สุด ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ แล้วจากนี้ก็จะเป็นเรื่องการบังคับคดีตามคำพิพากษา จะะต้องดำเนินกระบวนการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ มารับโทษต่อไปซึ่งจะไม่มีการนับอายุความแล้ว หากหลบหนีก็ต้องหลบหนีไปตลอด ส่วนเรื่องความรับผิดทางละเมิดที่กระทรวงการคลังเคยมีคำสั่งให้ชดใช้ค่าเสีย หายนั้นก็เป็นเรื่องของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอื่นจะต้องว่ากล่าวขั้น ต่อไปซึ่งทราบว่ากรณีดังกล่าวอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครอง ก็จะต้องดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนกระบวนการ

นายสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีนั้น ขณะนี้อัยการก็กำลังพิจารณาประเด็นอุทธรณ์ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการขอขยาย ระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 2 ไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการเพิกถอนหนังสือเดินทาง (พาสสปอร์ต) ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว นายสุรศักดิ์กล่าวว่า กรณีนั้นเป็นเรื่องกระทรวงการต่างประเทศต้องพิจารณาต่อไป

“หลังจาก คดีจำนำข้าวถึงที่สุดแล้ว เราจะแจ้งคำสั่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.)ให้ทราบเรื่องนี้ ส่วนเรื่องการได้ตัวมาก็เป็นส่วนของการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนิน คดีตามกฎมายต่อไป จะต้องให้ทราบแหล่งที่อยู่ที่แท้จริงของจำเลย ตามพ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา เพื่อจะได้ดำเนินการเรื่องส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งจะต้องประสานกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คดีนี้อัยการทำตามหน้าที่ มีคนถามว่าทำไมลงโทษน้อย คดีนี้เราฟ้องให้จำคุกในอัตราโทษตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับเงิน 20,000-200,000 บาท ทั้งนี้ศาลท่านก็วินิจฉัยเหมาะสมแก่การลงโทษแล้ว คือให้จำคุก 5 ปี ซึ่งถือว่าสูงแล้ว ในคดีความผิดลักษณะอย่างนี้”นายสุรศักดิ์กล่าว

ขณะที่นายกิตินันท์ ธัชประมุข อธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นคณะทำงานรับผิดชอบคดีจำนำข้าวและระบายข้าว ได้กล่าวถึงความคืบหน้าการอุทธรณ์คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีว่า จะมีการประชุมคณะทำงานในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อจะสรุปประเด็นการอุทธรณ์คดี ซึ่งขณะนี้ได้มีการร่างคำอุทธรณ์ไว้แล้วว่าจะมีแนวทางอย่างไร หลักใหญ่จะเน้นกลุ่มเอกชนและโรงสีข้าวที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายกฟ้องไปส่วน นี้จะต้องพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบเพราะจะมีผลสืบเนื่องกับความเสียหายทาง แพ่ง โดยถ้าศาลยกฟ้องราชการก็มีอาจเรียกร้องค่าเสียหายจากกลุ่มโรงสีดังกล่าวได้ ส่วนกลุ่มจำเลยที่เป็นอดีตนักการเมืองและอดีตข้าราชการกรมการค้าต่างประเทศ นั้นก็เป็นประเด็นยิบย่อย ในเรื่องการแก้ไขสัญญาบางฉบับว่าจะยื่นอุทธรณ์ด้วยหรือไม่โดยคำพิพากษาของ ศาลฎีกาที่ออกมาแล้ว นั้นก็ได้ลงโทษกลุ่มจำเลยดังกล่าวไว้ในอัตราโทษที่ค่อนข้างสูงตามบทลงโทษ แล้ว

เมื่อถามว่าอัยการจะสรุปประเด็นและยื่นอุทธรณ์คดีการทุจริตระบาย ข้าวแบบจีทูจีได้ทันภายในระยะเวลาการขอขยายอุทธรณ์ ครั้งที่ 2 นี้ช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายนหรือไม่ นายกิตินันท์ กล่าวว่า น่าจะทันเพราะขณะนี้มีความพร้อม ในการร่างอุทธรณ์ไว้แล้วเพียงแต่ต้องสรุปประเด็นให้ครบถ้วนชัดเจนอีกครั้ง โดยในส่วนของนายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำเลยที่1-2 นั้นได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลฎีกาฯแล้ว และขณะนี้คณะทำงานอัยการก็ได้รับสำเนาคำอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองแล้ว ระหว่างนี้ก็จะตรวจดูรายละเอียดเพื่อจะทำคำแก้อุทธรณ์ส่งต่อศาลฎีกาฯต่อไป ซึ่งจะมีระยะเวลาประมาณ 30 วัน แต่หากรายละเอียดมีมาก ทำคำแก้อุทธรณ์ไม่ทันก็ขอขยายระยะเวลาได้อีก

เมื่อถามว่าการไม่ยื่น อุทธรณ์คดีจำนำข้าวที่ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษในประเด็นการระบายข้าวเท่านั้นไม่ได้ระบุเป็นความผิด จำนำข้าวแล้วจะมีผลอย่างไรหรือไม่ นายกิตินันท์ กล่าวว่า สำหรับคดีจำนำข้าวที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น เป็นการกระทำเพียงกรรมเดียวโดยเป็นการยื่นฟ้องถึงการปฎิบัติหน้าที่หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในภาพรวมทั้งโครงการจำนำข้าวที่มีความต่อ เนื่องมา จนถึงการนำข้าวที่เข้าสู่โครงการมาระบายออกขาย ด้วยการทำสัญญาขายข้าวแบบจีทูจี ดังนั้นแม้จะเป็นการระบุถึงการละเว้นปฎิบัติหน้าที่ไม่ชอบฯในช่วงของการ ระบายข้าวแต่ก็ถือว่าเป็นความผิดตามที่อัยการได้ฟ้องและศาลมีคำพิพากษาตามบท ลงโทษนั้นแล้วโดยการฟ้องอัยการไม่ได้แยกเหตุการณ์ฟ้องต่างกรรมกัน

 

ที่มา มติชนออนไลน์