“จาตุรนต์” หวั่น 84 ส.ว. ล้มกระดานแก้รัฐธรรมนูญ เสียโอกาสแก้ความขัดแย้ง

จาตุรนต์  ฉายแสง เชื่อ ศาลไม่มีประเด็นตีตกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หวั่นถูก 84 ส.ว.ล้มกระดาน ทำเสียโอกาสแก้ปัญหาบ้านเมืองผ่านแก้ รธน.ในสภา

วันที่ 5 มีนาคม 2564 ที่โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส หลานหลวง นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ  ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้การแก้รัฐธรรมนูญยังมีความเป็นไปได้แต่ยากมาก ต้องพยายามสื่อสารกับผู้มีอำนาจและผู้เกี่ยข้องโแยจรงทั้งหลาย ซึ่งคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ส.ว. และส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่จะค้องเข้าใจว่าหลายฝ่ายในสังคมเห็นตรงกันว่ารัฐธรรมนูญนี้มีปัญหา  และะจำเป็นต้องแก้ เพื่อให้ได้รัฐบาลที่บริหารประเทศได้ดีขึ้น  ตอบสนองความต้องการมากขึ้น และช่วยแก้ปัญหาวิกฤตความขัดอย้งของสังคมไทยด้วย แต่ว่าถ้าล้มรัฐธรรมนูญไป ก็จะทำให้ปัญหาต่างๆ จะไม่ได้รับการแก้ไข และเป็นวิกฤตทางการเมืองมากยิ่งขึ้น

ส่วนท่าที ส.ว. ที่ขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน โดยฟยิบยกเรื่องพระราชอำนาจ 38 มาตรานั้น นายจาตุรนต์ กล่าวว่า

รัฐธรรมนูญปัจจุบัน ไม่ได้ห้ามแก้หมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2พระมหากษัตริย์ มีเพียงว่าหากแก้ไขต้องไปทำประชามติ ถ้าหากไปแก้แล้วฝ่าฝืนมาตรา 255 ที่ห้ามแก้ไขการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง  ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญสามารถตีตกได้ ดังนั้น การไปอ้างเช่นนี้ไม่เคยมีการอ้างมาก่อนในกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นปกติ

ทั้งที่ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ห้ามแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2  ด้วยซ้ำ หากแก้แล้วไปกระทบก็ไม่สามารถทำได้  การอ้างแบบนี้เป็นการสร้างเงื่อนไขไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ถ้า ส.ว.พร้อมใจไม่รับ 84 เสียงก็คว่ำ รัฐธรรมนูญได้

นายจาตุรนต์ ยังยืนยันว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขในรัฐสภา ยังไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายเนื้อหาจะเป็นอย่างไร เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีประเด็นที่จะพิจารณา ส่วนเรื่องอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญคืออำนาจของรัฐสภาหรือไม่ บัญัญัติอยู่ในรัฐธรรมนูญชัดเจนอยู่อล้วว่ามีอำนาจแก้รัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุให้การแก้ไขหยุดลง

ส่วนการลงมติวาระ 3  หากว่า ส.ว.พร้อมใจกันคว่ำ รวมถึง ส.ส.พลังประชารัฐ จะร่วมมือกับ ส.ว.อีก ก็จะเป็นผลเสีย โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลที่ รัฐบาลแถลงนโยบายรัฐบาล ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ และมีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผ่านวาระที่ 1 และผ่านวาระที่ 2 ด้วยเสียงข้างมากแล้วมาล้มในวาระที่ 3  จะทำให้ประชาชนหมดหวัง ทำให้ปนะชาชนจำนวนมากไม่คาดหวังกับรัฐสภาอีก จะเสียโอกาสแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคมอย่างร้ายแรง

และอาจทำให้มีการเคลื่อนไหวมากขึ้นในหลายๆ กลุ่ม แล้วทำให้คนจำนวนมากไปแสดงออกอื่น โดยไม่คาดหวังกับการแก้รัฐธรรมนูญในสภา เจอปํญหาอะไรก็ไปเคลื่อนไหว ซึ่งเท่ากับการปิดโอกาสในการแก้ปัญหาของสังคมโดยการแก้รัฐธรรมนูญ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ต้องส่งสัญญาณให้ ส.ว.เห็นแก่บ้านเมือง