“ประยุทธ์” สั่งขึ้นบัญชีดำโกง “คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน-เราชนะ-ม33”

ประยุทธ์ สั่งขึ้นบัญชีดำ บริษัทห้างร้าน นิติบุคคล โกงโครงการเยียวยาเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้ง “คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน-เราชนะ” รวมถึงม33 เรารักกัน ห้ามทำธุรกรรมกับภาครัฐ พร้อมประชาสัมพันธ์ให้สังคมได้รับทราบ

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบการแต่งตั้ง 6 คณะอนุกรรมการ ภายใต้คณะกรรมการอำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อขับเคลื่อนการแก้ปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบในภาครัฐ ได้แก่ 1.คณะอนุกรรมการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ เพื่อจัดทำแนวทาง มาตรการ เสริมสร้าง และประสานความร่วมมือระหว่างภาคส่วน ในการป้องกันแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมทั้งส่งเสริมและขับเคลื่อนธรรมาภิบาลทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน

2.คณะอนุกรรมการสนับสนุนและติดตามการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนระดับต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทย (CPI)

3.คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ บูรณาการเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและไม่เป็นธรรมให้ประชาชนโดยเร็ว เช่น ติดตามเร่งรัดการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา (บอส) คดีการเรียกรับเงินกรณีการทำบัตรประจำตัวของบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน (บัตรหมายเลข 0)

4.คณะอนุกรรมการเสริมสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมผลิตเนื้อหาและปรับปรุงสื่อประชาสัมพันธ์เดิมเพื่อเสริมสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและอันตรายของการทุจริต ปลูกฝังค่านิยมสุจริต สร้างบุคคลต้นแบบ ส่งเสริมและเสริมสร้างให้ภาคส่วนต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการป้องกันเฝ้าระวังการทุจริตและร่วมสร้างกลไกป้องกันการทุจริต

5.คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.)ส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติราชการของ ศปท. ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและขับเคลื่อนการดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

6.คณะอนุกรรมการเสริมสร้างธรรมาภิบาลและความโปร่งใสของรัฐวิสาหกิจ จะกำหนดแนวทางและขับเคลื่อนการดำเนินงานเรื่องการป้องกันและต่อต้านการทุจริตในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดทำระบบอิเล็กทรอนิกส์ รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่เกี่ยวกับการทุจริตประพฤติมิชอบเป็นการเฉพาะ โดยตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2563 – 18 มกราคม 2564 รับเรื่องร้องเรียนจำนวน 297 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จจำนวน 110 เรื่อง และอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 187 เรื่อง รวมทั้งเจ้าหน้าที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบการกระทำความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติหน้าที่จำนวน 400 ราย ดำเนินการเสร็จแล้ว 300 ราย ที่เหลือ 100 รายอยู่ระหว่างดำเนินการ

นายอนุชากล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังได้มีข้อสั่งการให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรมโดย ให้รัฐและเอกชนร่วมกันกำหนดบัญชีดำ(Black List) ให้ชัดเจน ห้ามทำธุรกรรมกับภาครัฐ สำหรับบริษัทห้างร้าน นิติบุคคล ที่มีสินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐและสนับสนุนการทุจริตในภาครัฐ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เป็นผลงานให้สังคมทราบ

“ท่านนายกฯ สั่งการเพิ่มเติมว่า บริษัท ห้างร้าน ผู้ประกอบการใด ที่ดำเนินการในลักษณะไม่สุจริตกับโครงการเยียวยาหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการเราชนะ โครงการม.33เรารักกันในอนาคตให้ขึ้นบัญชีดำ (Black List) บริษัทห้างร้านผู้ประกอบการนั้น” นายอนุชากล่าว