ประวัติ “ประสาน หวังรัตนปราณี” มือกฎหมาย “บิ๊กป้อม” แก้ปมผู้ชุมนุม

ประวัติ ประสาน มือกฎหมายบิ๊กป้อม
ภาพจาก มติชน

ทำความรู้จัก “ประสาน หวังรัตนปราณี” มือกฎหมายที่ “บิ๊กป้อม” วางตัวให้แก้ปัญหาผู้ชุมนุมหน้าทำเนียบ

วันที่ 23 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ถอนตัวจากการแก้ปัญหาของชาวบางกลอยแล้ว พร้อมกับเผยว่ารู้สึกเสียใจที่คำพูดของตน ถูกตีความและเข้าใจผิดว่าเป็นการข่มขู่ ทั้งที่มีความตั้งใจจริง ที่จะเร่งแก้ปัญหาให้พี่น้องชาวบางกลอย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ นายประสาน ผู้ได้ชื่อว่าเป็นมือกฎหมายคนสำคัญของ พล.อ.ประวิตร หรือ บิ๊กป้อม ซึ่งถูกส่งให้ไปปฏิบัติภารกิจเพื่อลดดีกรีความขัดแย้งหลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะยกธงขาวให้กับกรณีการแก้ปัญหาชาวบางกลอย

อดีตกรรมการอิสระ อสมท

ข้อมูลจากเว็บไซต์ mcot ในฐานะ กรรมการอิสระ ของ บมจ.อสมท. ระบุว่า นายประสาน เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2495 (ปัจจุบันอายุ 69 ปี)

ประวัติการศึกษา

  • ปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ (นิด้า)
  • MINI MBA ทางบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • ปริญญานิติศาสตร์บัณฑิต
  • วิทยาลัยการปกครอง หลักสูตร นปส.(นักปกครองชั้นสูง)
  • ประกาศนียบัตรกระทรวงยุติธรรม หลักสูตร อนุญาโตตุลาการ

ประวัติการทำงาน

  • รองประธานบริษัท สำนักงานกฎหมายนานาชาติ จำกัด
  • สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ
  • รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ไทยแลนด์ พรีวิลเลจคาร์ด จำกัด
  • กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด

ความรู้ความชำนาญ หรือความจัดเจน: กฎหมายองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุ และโทรทัศน์, กฎหมายเกี่ยวกับสื่อ, การจัดองค์กรภาครัฐ

คอนเนกชั่นครบเครื่อง

นายประสาน ในตำแหน่ง ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำ พล.อ.ประวิตร เป็นมือตรวจสอบเอกสารด้านกฎหมาย ให้ พล.อ.ประวิตร ทั้งหมด เพราะเคยทำงานคลุกวงในที่ ป.ป.ช. และทำงานเอกสารให้ตั้งแต่ พล.อ.ประวิตร เป็น ผบ.ทบ.

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร มอบหมายงานเฉพาะกิจ ให้ติดตามการแก้ไขปัญหา ผู้ชุมนุมที่หน้าทำเนียบฯ โดยเฉพาะ ม็อบนิคมอุตสาหกรรมเมืองต้นแบบ จะนะ จ.สงขลา ที่ ต้องตามลงไปแก้ปัญหาในพื้นที่ด้วย

นอกจากนี้ นายประสาน ยังเป็นผู้มีความสัมพันธ์อันดีกับเครือข่ายสื่อสารมวลชน และนักการเมือง วุฒิสมาชิกคนสำคัญที่เป็นแกนของ คสช. และนายทหารนอกราชการที่มีบทบาททางการเมือง

รับดอกกุหลาบวาเลนไทน์ ที่ อ.จะนะ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564  พล.อ.ประวิตร ได้ส่ง นายประสาน ลงพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา เพื่อพบปะประชาชนและประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการขยายผลโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ไปสู่เมืองต้นแบบที่ 4 อ.จะนะ จ.สงขลา

โดยในการลงพื้นที่ครั้งนั้นมีทั้งค้าน มีทั้งหนุน ซึ่งนายประสานได้รับมอบดอกกุหลาบจากชาวอำเภอจะนะ เนื่องในวันวาเลนไทน์ด้วย

นายประสาน กล่าวว่า การที่ต้องมาวันนี้เพราะเรื่องนี้ถูกนำไปเป็นประเด็นทางการเมือง ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และต้องมีการตรวจสอบ โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สั่งย้ำมาว่าอันไหนไม่ถูกต้องให้สรุปออกมาให้หมด ให้ดูดี ๆ ทุกขั้นตอน ต้องยึดตามระเบียบ ราชการ กฏเกณฑ์ มติ ครม.

“ผมเกษียณมา 10 ปี แล้ว ตลอดชีวิตรับราชการของผม ถ้าสั่งไม่ถูกต้อง ผมไม่ทำ แม้ผู้บังคับบัญชาสั่ง ผมไม่ทำ ต้องตามแก้ ใครจะช่วยผม” นายประสานกล่าว

นายประสานเตือนด้วยว่า หากทำถูกต้อง ไม่ต้องกังวล แต่ทำไม่ถูกต้อง ก็ต้องมีคนรับผิดชอบ ยันรัฐบาลไม่ต้องการสร้างความแตกแยกให้ประชาชนในพื้นที่ ไม่ได้มาจับผิดใคร ขึ้นอยู่กับเอกสารในอดีต ขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริง

นอกจากนี้ นายประสาน ยังบอกกับชาวจะนะที่มารอพบว่า คณะอนุกรรมการฯ จะพิจารณาอย่างตรงไปตรงมา รัฐบาล ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งแตกแยก และจะเร่งสรุป เสนอ พลเอกประวิตร และนายกฯ

มีทั้งค้าน….
มี ทั้งหนุน!!

.
ชาวจะนะ รวมตัวกันมา ต้อนรับ “ตัวแทน บิ๊กป้อม” มอบกุหลาบ ในวันวาเลนไทนส์ หนุน สร้าง…

โพสต์โดย Wassana Nanuam เมื่อ วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2021

 

ฮึ่ม กมธ.ชุดเสรีพิศุทธ์

เมื่อปี 2562 กรณีที่คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) มีหนังสือเรียกให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงเกี่ยวกับการเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่อาจไม่ชอบ เนื่องจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน

ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ได้ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ตามที่ กมธ.ป.ป.ช.ส่งคำถามมาครบถ้วนไปแล้ว และในวันที่ 20 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ทาง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ปธ.กมธ.ได้เรียกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ไปชี้แจง โดยทั้ง 2 ได้มอบหมายให้ นายประสาน เป็นผู้ไปชี้แจงแทน

ไทยโพสต์ รายงานว่า นายประสาน เผยภายหลังว่า ได้ตอบครบทุกประเด็น ชัดเจน คิดว่าเมื่อ กมธ.ป.ป.ช. ได้คำชี้แจงแล้ว น่าจะเป็นที่พอใจและเป็นข้อยุติ ไม่ต้องชี้แจงอีก

นายประสาน กล่าวด้วยว่า การจะออกคำสั่งเชิญผู้ใดตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียก พ.ศ.2554 ต้องดูว่าเรื่องที่จะเชิญอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ กมธ. ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯข้อที่ 90 หรือไม่ เพราะ กมธ.ป.ป.ช. มีหน้าที่ศึกษาและป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ใช่สอบสวน

หาก กมธ.ป.ป.ช. โดยเฉพาะ พล.ต.อ.เสรีศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ยังจะประสงค์ให้เชิญอีก ต้องพึงระมัดระวัง เพราะในมาตรา 5 พ.ร.บ.คำสั่งเรียกฯ ในส่วนของ กมธ.เองนั้น มีกฎหมายเขียนบังคับไว้ว่า ถ้าปฏิบัติหน้าที่หรือเชิญผู้ใดโดยมีเจตนาไม่สุจริต จะมีโทษทางอาญารุนแรง จำคุก 1-10 ปี

“ผมว่า กมธ.จะทำอย่างไรก็ตาม จะทำตามใจไม่ได้ ท่านจะต้องดูกรอบกฎหมายและข้อบังคับให้ดี ผมไม่ได้ขู่ เพียงแต่ให้ทราบว่า สิ่งที่ท่านจะเดินต่อไปจะต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ ต้องให้เกียรติกัน ไม่ใช่นึกอยากจะเชิญก็เชิญ เชิญแล้วไม่มาก็เชิญแล้วเชิญอีก ถ้าอยากกระทำเช่นนั้น ไปใช้ข้อบังคับการประชุมสภาฯ อันนั้นท่านทำได้ เพราะกฎหมายไม่ได้มีบทบังคับ ไม่มีบทลงโทษ เชิญร้อยครั้ง พันครั้ง เชิญได้หมด มันจะต่างจาก พ.ร.บ.คำสั่งเรียกฯ ดังนั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการที่จะเชิญครั้งต่อไป แต่เชื่อว่าคงไม่มีแล้ว เพราะที่ชี้แจงไปชัดเจนทุกข้อ” นายประสาน กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นทาง กมธ.ป.ป.ช.ต้องการให้นายกฯ ส่งบัตรแข็งที่ใช้ในการกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณ นายประสาน กล่าวว่า เป็นเรื่องระหว่างท่านนายกฯ กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยตรง เราคงไม่ไปก้าวล่วง

ลาออกจากทีพีซี

ย้อนไปไกลถึงปี 2548 ผู้จัดการออนไลน์ รายงานอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวในแวดวงราชการ ระบุว่า นายประสาน ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้ดำเนินการบัตรอีลิท ได้ยื่นหนังสือลาออก มีผลวันที่ 30 กันยายน 2548

หลังจาก นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานคณะกรรมการบริษัท ทีพีซี ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายประสาน กรณีที่ใช้เวลาการทำงานในบริษัททีพีซีออกไปรับตำแหน่ง คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และยังได้ดำรงตำแหน่งรักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูฯ ด้วย

ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าผิด พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานวิสาหกิจ พ.ศ.2518 มาตรา 9 (3) ที่กำหนดว่าพนักงานรัฐวิสาหกิจ ต้องเป็นผู้ที่สามารถทำงานให้รัฐวิสาหกิจนั้นได้เต็มเวลา ดังนั้น การที่นายประสานไปปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานกองทุนฟื้นฟูเกษตรกรฯ เต็มเวลา เท่ากับว่านายประสานไม่ได้ทำงานให้กับทีพีซี

สำหรับการสอบสวนนายสมใจนึกได้สั่งการให้ นายโชคศิริ รอดบุญพา ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวน พร้อมทั้งให้นำข้อมูลพฤติกรรมนายประสานไปส่งที่สำนักคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง พิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวผิด พ.ร.บ. หรือไม่

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่ปรากฏข่าวว่าเรื่องนี้มีข้อสรุปอย่างไร และอีก 1 ปีต่อมา (ปี 2550) นายประสาน ก็มีชื่อเป็นข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ โดยนั่งในตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ จำกัด หรือ ทีแอลเอ็ม เผยถึงแผนการพัฒนาโครงการลองสเตย์บนที่ดินริมหาดจอมเทียน พัทยา มูลค่า 300-400 ล้านบาท ตามรายงานของนิตยสารผู้จัดการ

เหล่านี้คือเรื่องราวส่วนหนึ่งของมือกฎหมาย หนึ่งในผู้ที่ “บิ๊กป้อม” ไว้วางใจ