สุพัฒนพงษ์ เปิดใจครั้งแรก หลังข่าวไปผับดังย่านทองหล่อ-ไม่กักตัว

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์

“สุพัฒนพงษ์” รองนายกฯ และรมว.พลังงาน เปิดใจครั้งแรก หลังกระแสข่าวท่องราตรี ผับดัง ย่านทองหล่อ คลัสเตอร์ระบาดโควิดระลอกสาม ยืนยันไม่เคยไปแม้สักครั้งเดียว ควานหาคนปล่อยข่าวคนแรก ใคร!

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกระแสข่าวว่าไปผับดัง ย่านทองหล่อที่เป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่ยอมกักตัวและยังปฏิบัติหน้าที่ปกติ ทั้งการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564 และการลงพื้นที่ตรวจราชการต่างจังหวัด

ว่าไม่เคยไปผับดังกล่าวแม้สักครั้งด้วย และอยากรู้ว่า ใครเป็นคนให้ข่าวว่าตนไปผับย่านทองหล่อคนแรก ถ้าท่านแสดงตน ผมจะได้ตอบ เพราะมันก็สร้างความเดือดร้อน ตัวผมเองไม่เท่าไหร่หรอก แต่พอดีเราทำเรื่องเคลื่อนตัวทางเศรษฐกิจ สนับสนุนนโยบายของท่านนายกฯ มันก็มีความจำเป็น ต้องสร้างความเชื่อมั่น เพราะกติกาต้องปฏิบัติ ภายใต้กฎกติกาของ ศบค. การยืนระยะห่าง พื้นที่เสี่ยงต้องหลีกเลี่ยง

“พอข่าวอย่างงี้ออกไป แล้วมีชื่อผมรวมอยู่ไปด้วย จำเป็นต้องพาทั้งทีมไป swap ไปตรวจ ไม่เข้าใจ อยากทราบจริง ๆ ถ้าท่านรู้ว่า ใครเป็นคนแรก ที่มาบอกท่าน กรุณาบอกผมด้วย ไม่ต้องเปิดเผยแหล่งข่าว เอาเฉพาะสื่อด้วยกันเองนี่แหละ สื่อคนแรกที่แจ้งข่าวเรื่องนี้ว่า มีชื่อผมไปเที่ยว หรือไปประชุมก็แล้วแต่ ไม่เคยไป ไม่รู้จัก เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย”

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า อยากจะทราบว่า ท่าน (คนปล่อยข่าว) คิดอะไร เจตนาคืออะไร จินตนาการคืออะไร ถ้าเป็นเพราะความเข้าใจผิด ประมาทเลินเล่อ ก็คงไม่ได้ไปว่าอะไร เพราะผมก็คงไม่ไปมีเจตนาทำร้ายใครหรอก

“แต่อยากให้เห็นว่า ทุกคนมีหน้าที่ สิทธิและหน้าที่ สื่อมวลชนก็มีสิทธิในการให้ข้อมูล ในการให้ข้อเท็จจริงตามหน้าที่ที่ทุกคนได้เล่าเรียนมา แต่ทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องตรวจสอบ ความน่าจะเป็นด้วย ก่อนที่จะเผยแพร่ การเร่งที่จะนำเสนอข่าวเพื่อที่จะนำเสนอเพื่อให้ตัวเองโดดเด่น มันอาจจะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ข้อมูลผิดพลาด และนำไปสู่ผลเสียอันพึงไม่จำเป็น ต้องรักษาไว้ ยิ่งในยามเศรษฐกิจหรือในยากเหตุการณ์วิกฤตและผิดปกติแบบนี้ ต้องรักษาไว้มาก ๆ”

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ทุกคนมีส่วนร่วมที่จะนำพาประเทศไทยให้ฟื้นและผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยดีและเข้มแข็งขึ้น ทุกคนมีหน้าที่ ตนก็ทำหน้าที่ของตน สื่อก็ควรจะทำหน้าที่ของสื่อให้ครบถ้วนเช่นเดียวกัน

“อยากเจอมากเลย อยากจะให้ข้อเท็จจริงเขา ไม่อยากให้ไปฝังวิธีคิดว่าคิดยังไง ระบบจินตนาการเป็นยังไง ไม่แน่ใจ แล้วนึกยังไง จึงคิดว่าผมจะต้องไป ยังคิดไม่ออกเลย ไม่น่าใช่”

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ไลฟ์สไตล์ของตน คือ ทำงานอย่างเดียว อยู่กับหลาน เลี้ยงหลาน ออกกำลังกาย เพราะต้องดูแลสุขภาพเนื่องจากตนมีโรคประจำตัว เป็นโรคหัวใจ จึงต้องเว้นการรับยาบางตัวก่อน อย่างไรก็ดีมีคิวที่จะฉีดวัดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าเข็มแรก ในวันที่ 9 เมษายนนี้

เมื่อถามว่า ที่บ้านถามหรือไม่ว่า ไปผับจริงหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวพร้อมกับหัวเราะดัง ว่า อันนี้ก็เป็นปัญหาอีกแบบหนึ่ง แต่ไม่ได้เดือดร้อน เพราะวันที่ถูกล่าวหาว่าไปผับตนกลับบ้านเจอภรรยา และไม่มีใครถาม เพราะไว้ใจ และวันนั้นก็อยู่ที่บ้าน ไม่ได้ไปไหน ไปงานศพกลับมาก็นั่งทานข้าวที่บ้าน หลานอยู่ และตนก็ลงพื้นที่ตรวจราชการต่างจังหวัด

“ยังแปลกใจและบอกทีมงานว่า ให้ไปบอกเขาว่า ไม่ได้ไป ก็ไม่มีฟีดแบ็กกลับมา ไม่มีใครเชื่อ แหล่งข่าวชัดเจนมาก อยากเจอจังเลยว่าใคร ท่านรู้ดี (สื่อ) ว่าใครเป็นคนแรกที่ออกข่าว”

นายสุพัฒนพงษ์ถามกลับว่า สื่อมีข้อมูลอะไร ถ้าไม่มี ตนก็ไม่มีเหตุผลที่จะยืนยันอะไร

“คนที่พูดคนแรก คือ ใคร ท่านต้องรู้ว่า เจตนาเขาคืออะไร และหลักฐานของเขาคือใคร น่าเชื่อถือหรือไม่ ถ้าเชื่อถือกว่าผมไหมล่ะ ถ้ามีทีวีกล้องวงจรปิด ว่า ผมเข้าไปยังงี้ ชัดเจน”