“ประยุทธ์” วอนร่วมมือกันฝ่าวิกฤตโควิด สงกรานต์งดเว้นพื้นที่อโคจร

นายกวอนเว้นที่อโคจรช่วงสงกรานต์

“ประยุทธ์” วอนประชาชนร่วมมือฝ่าฟันวิกฤตโควิด เล็งเพิ่มเตียงผู้ป่วย ปรับโรงแรมกักตัวเป็นโรงพยาบาลสนาม ย้ำจัดกิจกรรมสงกรานต์ตามมาตราการป้องกัน “งดเว้นพื้นที่อโคจร”

วันที่ 10 เมษายน 2564 มติชน รายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวกับประชาชนผ่านรายการ “นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง” ผ่านทางพอดแคสต์ว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 เรื่องนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาเราก็ร่วมมือกันเป็นอย่างดีและสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มคลี่คลายลง

ทุกคนก็อยากจะพักผ่อนหย่อนใจและท่องเที่ยวเพื่อคลายความเครียดจากการทำงาน จนเราอาจจะประมาทและลืมไปว่าทุกนาทีคือ ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ตลอดเวลา ฉะนั้นสิ่งใดที่บกพร่องก็ต้องกลับไปดูและแก้ไข เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ไม่มีใครจะสามารถย้อนกลับไปได้ แต่เราจะต้องทำวันนี้และวันต่อ ๆ ไปให้ดีที่สุด เพื่อต่อสู้กันอีกครั้ง ขอยืนยันอีกครั้งว่า การทำงานของรัฐบาลก็ยังคงดำเนินไปตามปกติ ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเรามีระบบต่าง ๆ รองรับไว้อยู่แล้ว แม้จะเป็นวันหยุดพวกเราก็ทำงาน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันการบริหารสถานการณ์ของ ศบค.ชุดเล็ก ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง การแบ่งพื้นที่สถานการณ์ยังแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ

  1. พื้นที่สีส้ม หรือ พื้นที่ควบคุม 9 จังหวัด ได้แก่สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี ตาก และราชบุรี
  2. พื้นที่สีเหลือง หรือพื้นที่เฝ้าระวังสูง 14 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ระนอง ชลบุรี ระยอง ชุมพร สงขลา ยะลา และนราธิวาส
  3. พื้นที่สีเขียว หรือพื้นที่เฝ้าระวัง 54 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดที่เหลือ

นายกรัฐมนตรีอธิบายว่า เหตุผลที่กำหนดพื้นที่แบบนี้ เพราะตอนนี้เราเข้าสู่ช่วงสงกรานต์ ตนเป็นห่วงเรื่องการกระทบต่อแผนการเดินทาง รวมถึงการทำมาหากินของผู้ประกอบการที่ไม่เกี่ยวข้อง เพราะเราเคยมีบทเรียนเมื่อปีที่แล้วว่า การใช้ยาแรงอาจจะควบคุมโรคได้ดี แต่ก็มีผลข้างเคียงต่อธุรกิจ และผู้ประกอบการทั่วไป โดยเฉพาะร้านอาหาร เราจึงต้องนำเรื่องนี้มาวิเคราะห์ให้รอบคอบ และหาวิธีการแก้ไขที่ดีที่สุดให้ถูกจุด และต้องอยู่บนจุดสมดุลที่เหมาะสม ระหว่างความปลอดภัย และชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการที่เราเริ่มมาแล้วตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมาคือ หากพบผู้ติดเชื้อในสถานประกอบการ เช่น ผับบาร์ คาราโอเกะ และอาบอบนวด ให้ปิดสถานประกอบการนั้นทันที อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือจนกว่าการแพร่ระบาดจะคลี่คลาย ดังนั้น จึงมีสถานประกอบการหลายแห่งในหลายจังหวัดถูกปิดไปแล้วโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ

หากมีการแพร่ระบาดในสถานประกอบการหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดใดก็ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือกรุงเทพมหานคร ได้พิจารณาปิดสถานประกอบการ ในพื้นที่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ ฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานสาธารณสุขต้องเพิ่มความเข้มข้นและความถี่ ในการตรวจตราและกำกับดูแลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

สำหรับเรื่องที่หลายคนยังกังวลใจคือเรื่องของจำนวนเตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อ โควิด-19 ล่าสุดได้รับรายงานมาว่าเตียงในโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งเต็มแล้ว จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามไว้รองรับผู้ป่วยให้เพียงพอ เพื่อแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร โดยเน้นให้ผู้ป่วยที่มีอาการหนักรับการรักษาในโรงพยาบาล ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการไม่หนักมาก ให้กระจายไปที่โรงพยาบาลสนาม

โดยรูปแบบของโรงพยาบาลสนามก็จะมีพื้นที่ที่กำหนดขึ้นใหม่ และพื้นที่ที่อยู่ในพื้นที่โรงพยาบาล เช่น ในโรงพยาบาลบางขุนเทียน โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และพื้นที่สนามกีฬา โดยในส่วนของกระทรวงกลาโหมก็เตรียมไว้อีกส่วนหนึ่ง ขณะที่โรงแรมต่าง ๆ ใช้กักตัวกลุ่มเสี่ยง ที่เรียกว่า AHQ (Alternative Hospital Quarantine) ก็สามารถปรับมาเป็นโรงพยาบาลสนามได้

ในส่วนของการปฏิบัติงานตนได้กำชับกระทรวงสาธารณสุขแล้วให้ปลดล็อกเรื่องกฎระเบียบเกี่ยวกับการรับผู้ป่วย โควิด-19 และการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันให้บ้านเมืองดีขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มสามารถเปิดได้โดยใช้มาตรการป้องกัน โควิด-19 อย่างเคร่งครัด หากพบว่ามีผู้ติดเชื้อในร้านอาหารหรือสถานประกอบการใดก็ให้ปิดสถานบริการนั้นทันที เพื่อจัดระเบียบอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หากพบว่ามีการแพร่ระบาดของโรคในร้านอาหารหรือร้านเครื่องดื่มหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดใดก็ให้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดหรือกรุงเทพมหานครได้พิจารณาเพิ่มการปิดร้านอาหารที่มีความเสี่ยง เช่น ร้านที่เป็นห้องแอร์ หรือร้านที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างน้อย 2 สัปดาห์

ส่วนมาตรการทำงานที่บ้านหรือเวิร์กฟอร์มโฮม เราก็ต้องนำกลับมาใช้ใหม่ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยในหน่วยงานภาครัฐ จะต้องไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานและการบริการประชาชน ส่วนภาคเอกชนก็เป็นการขอความร่วมมือ อาจจะสลับวันหรือเหลื่อมเวลาการทำงานเพื่อลดจำนวนคนที่เดินทางออกจากบ้านเพื่อลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ด้านการศึกษาตนได้สั่งการไปยังกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้หาวิธีในการเรียนการสอนเหมือนที่เคยทำที่ผ่านมา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนขอย้ำอีกครั้งสำหรับแนวทางการจัดกิจกรรมช่วงสงกรานต์นี้ ตนเป็นห่วงทุกคนจริงๆ หากใครไม่มีความจำเป็นที่ต้องเดินทางก็ขอให้อยู่บ้านและใช้เทคโนโลยีการสื่อสารให้เป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตามตนเข้าใจดีถึงความรักความผูกพันของครอบครัวไทย ดังนั้นเมื่อเราต้องเดินทางกลับบ้านหรือไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ก็ขอให้สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการสัมผัส

ใครที่เคยไปพื้นที่เสี่ยงก็ขอให้หลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้สูงอายุ ส่วนกิจกรรมที่จัดได้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์คือ การสรงน้ำพระ และการรดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่ ซึ่งควรจัดในพื้นที่โล่ง และอากาศถ่ายเทได้ดี ที่สำคัญต้องงดจัดกิจกรรมที่รวมคนจำนวนมาก งดการเล่นน้ำ ประแป้ง และปาร์ตี้โฟม ส่วนในพื้นที่อโคจรต่าง ๆ ก็ขอให้งดเว้น

นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้ในสถานที่ต่าง ๆ ได้ติดตั้งคิวอาร์โค้ดแอพพลิเคชั่นไทยชนะ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีที่ทุกคนจะใช้งานกัน เพราะเมื่อเราพบผู้ติดเชื้อในสถานที่ใด เจ้าหน้าที่ก็จะสามารถติดต่อท่านได้ง่ายและรวดเร็ว โดยข้อมูลเมื่อวันที่ 7 เมษายน มีผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นไทยชนะประมาณ 62.3 ล้านเครื่อง มีกิจการร้านค้าลงทะเบียน 395,201 แห่งเช็คอินผ่านคิวอาร์โค้ด 86.4% เช็กอินผ่านแอพฯ อีก 13.6%

ส่วนใครที่ไม่มีสมาร์ทโฟนก็สามารถเขียนชื่อตามจุดที่ร้านค้ากำหนดได้ ตนขอขอบคุณในความร่วมมือของทุกคนเพราะถ้าร่วมมือกันเราจะแก้ปัญหาได้ทุกปัญหา โดยสรุปคือรัฐบาลจะทุ่มเทสรรพกำลังอย่างเต็มที่ เพื่อแก้ไขปัญหานี้และขอให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนได้ร่วมมือกันอีกครั้ง เพื่อฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน

ไม่มีใครทำสำเร็จได้ด้วยคนคนเดียว หรือหน่วยงานเดียว ประชาชนต้องร่วมมือไปกับรัฐบาลด้วย รัฐบาลเองก็จะทำอย่างเต็มที่ ทุกมาตรการที่ออกไปก็ต้องคำนึงผลกระทบ เพราะมีทั้งวิกฤตและโอกาส แต่จะสมดุลอย่างไรในเรื่องเหล่านี้