สุพัฒนพงษ์ เล็ง กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม หวั่นโควิดระลอก 3 กระทบเป้าจีดีพี

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน
สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน (แฟ้มภาพ)

สุพัฒนพงษ์ – รองนายกฯ เศรษฐกิจ เล็ง กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม ยอมรับ โควิด-19 ระลอกสาม กระทบเป้า GPD ฝันค้างไม่ถึง 4 % ชี้ ไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์ ประเมินรายวัน-เปิดประเทศ

วันที่ 16 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 5/2564 ในช่วงบ่ายวันนี้ ว่า ตนคิดว่าไม่จำเป็นต้องล๊อคดาวน์ เพราะประสบการณ์จากจังหวัดสมุทรสาครที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงกว่านี้ ถึงแม้ลักษณะการติดเชื้อจะไม่เหมือนกัน 100 % แต่ที่เหมือนกันคือการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด เช่น การรักษาระยะห่าง การไปตรวจเชื้อโควิด-19 หากอยู่ในกลุ่มเสี่ยง

อย่างไรก็ตามในวันนี้ที่ประชุมศบค.จะพิจารณามาตรการเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะมีมาตรการเข้มข้นในบางพื้นที่ ไม่ใช่การกลับไปเหมือนการระบาดในรอบแรกในเดือนเมษายน 2563

ส่วนจะกระทบต่อการเปิดประเทศหรือไม่ ต้องประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน แต่ขณะนี้ยังเป็นไปตามแผนกำหนดการเติม ยังไม่เปลี่ยนแปลง การปฏิบัติการเชิงรุก การดึงดูดนักลงทุนยังเดินหน้าทำงานเหมือนเดิม
นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ขณะนี้ภาคธุรกิจกังวลเรื่องของความมั่นใจในการควบคุม รวมถึงสถิติผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหรือลดลง และจำนวนผู้ป่วยที่หายป่วยและกลับบ้านได้ ซึ่งจะทำให้คาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดอยู่ในระดับที่จะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้หรือไม่และธุรกิจจะปรับตัวอย่างไร

“รัฐบาลยืนยันว่าจะบริหารจัดการโดยคำนึงถึงการควบคุมการแพร่ระบาดและการเดินหน้าเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน ให้ความสำคัญมากเท่า ๆ กัน ซึ่งขณะนี้ได้มีพระราชกำหนดออก (พ.ร.ก.) ให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564 วงเงินไม่เกิน 3.5 แสนล้านบาท ประกาศราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งมาถูกที่ถูกเวลาพอดี”

สำหรับพ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูฯ ประกอบด้วย 2 มาตรการ ได้แก่ 1.มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (สินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจ) วงเงิน 2.5 แสนล้าน และ 2.มาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเเพื่อชำระหนี้ (พักทรัพย์ พักหนี้) วงเงิน 1 แสนล้านบาท

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ยอมรับว่าการระบาดของโควิด-19 รอบนี้ ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ตั้งเป้าหมายไว้ร้อยละ 4 แต่อย่างไรก็ตามต้องกัดฟัน แต่ยังมีโอกาส แม้จะเหลือน้อย รูเล็กลง ก็ต้องเดินหน้าต่อไป

“ทุกคนมีอาวุธอยู่ในมือ คนที่มีเงินฝากที่ยังไม่ได้ใช้ มีเงินฝากเกินกว่าปีที่แล้วเยอะ ขณะที่แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานก็ต้องทำให้เร็วขึ้น เช่น โครงการร่วมลงทุนรัฐกับเอกชน (PPP) และยังมีโครงการใหม่ ๆ ดี ๆ ที่ยังรอการพิจารณาอยู่ เพื่ออนาคตและเป็นการสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่และให้กับคนไทยทุกคน”

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ขณะนี้การส่งออกยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่รัฐบาลจะต้องกลับไปดูในเรื่องการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคในประเทศว่าจะกระตุ้นอย่างไร เช่น การนำเงินฝากของประชาชนที่ยังเหลืออยู่เมื่อปีที่แล้วยังเหลืออยู่ ซึ่งความมั่นใจเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ต้องดูแลควบคุมการระบาดไม่ให้ประชาชนกังวล แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเพราะทุกคนปรับตัว