เพื่อไทย โหมโรงไม่ไว้วางใจ “ประยุทธ์” เปิดศึกซักฟอกงบปี’65

ขณะนี้รัฐนาวา “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กำลังฝ่ามรสุมรอบด้าน

ประกาศสงครามเพื่อเอาชนะไวรัสโควิด-19 เดิมพันด้วยความตายกับสุขภาพ ชีวิตประชาชน ยังมีอีกหลายคลัสเตอร์ที่จะต้องเร่งจัดการ

ฝีมือของ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังถูกทดสอบอย่างหนักหน่วง แม้เขาจะบอกว่าช่วงเวลานี้ต้องร่วมมือกันทำงาน ไม่ใช่เวลาของการเมือง

แต่ในชีวิตจริงทางการเมือง ฝ่ายค้านไม่ปราณี-ออมมือให้รัฐบาล โดยเฉพาะที่เวลาเพลี่ยงพล้ำในการบริหารจัดการภาวะวิกฤต

ในวาระที่สภาผู้แทนราษฎร ใกล้เปิดการประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไป วันที่ 22 พฤษภาคมนี้

“นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่าน รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องให้ผู้บริหารพรรค ชงวาระ “อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล” รอบใหม่

นพ.ชลน่าน ระบุว่า ที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าสถานการณ์เหมาะสม โดยเฉพาะนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกฯ ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค เห็นชอบตามที่ตนเสนอ เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้ สภาฯ ในฐานะฝ่ายตรวจสอบสมควรเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เพื่อบอกให้ผู้บริหารทราบว่าไม่เหมาะสม ไม่ควรได้รับไว้วางใจให้บริหารต่อ เนื่องจากจะทำความเสียหายมากขึ้น จะอภิปรายเมื่อใดอย่างไร พรรคเพื่อไทยคงหารือกันอีกครั้ง และไปหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านต่อไป

เบื้องต้นต้องอภิปรายฯ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับปัญหาโควิดเป็นหลัก เมื่อถามว่าหากอภิปรายแล้วยังไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ นพ.ชลน่านตอบว่า เป็นข้อบ่งชี้ให้ประชาชนดูว่าถ้าบ้านเมืองเป็นแบบนี้ แล้วรัฐบาลยังดื้อดึงบริหารบ้านเมืองต่อไป ไม่มีจิตสำนึกรับผิดชอบ ขึ้นอยู่กับประชาชนจะใช้มาตรการอย่างไรจัดการ

แต่ก่อนจะถึงวาระที่ฝ่ายค้าน “เพื่อไทย” พยายามจุดประเด็น “ซักฟอกรัฐบาล”

ในวันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคมนี้ เพื่อไทยเตรียมประชุม “กลุ่มย่อย” ทีมเศรษฐกิจ-ทีมวิชาการของพรรค สุมความคิดชำแหละร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท

หัวขบวนที่รับผิดชอบชำแหละงบ 65 มี กิตติรัตน์ ณ ระนอง – พิชัย นริพทะพันธุ์ 2 รองหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ ควบคู่กับ กิตติ ลิ่มสกุล อดีตผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย นักเศรษฐศาสตร์ ที่กลับเข้าเป็นมันสมองด้านเศรษฐกิจ เตรียมประชุมผ่าน Zoom พิจารณารายละเอียดกับทีมงานเศรษฐกิจของพรรค – มืออภิปรายของพรรค

ก่อนจะแจกแจงรายละเอียดภาพใหญ่ให้ ส.ส.พรรครับรู้ ในการประชุมพรรค 25 พฤษภาคม

แต่เบื้องต้น “เพื่อไทย” ส่ง “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะ ผอ.ศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย ชำแหละงบ 65 เป็นการโหมโรงว่า

การจัดทำงบฯปี 65 มีข้อจำกัดชนเพดานทุกมิติ จนจะนำไปสู่ทางตันทางการคลัง 4 ทาง คือ ขาดดุล เต็มพิกัด ต้องกู้ชดเชยเต็มเพดาน มาตรา 21 พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ กู้เพื่อชดเชยการขาดดุลได้ไม่เกิน 20% ของงบฯ รวมกับงบฯ ที่ตั้งไว้สำหรับชำระคืนเงินต้น เท่ากับ 700,000 ล้านบาท

ถ้าเก็บภาษีไม่เข้าเป้าที่ 2.4 ล้านล้านบาท จะเข้าสู่ภาวะทางตันทางงบฯ ทันที 2.ขาดดุลงบฯ 700,000 ล้านบาท แซงหน้างบฯ รายจ่ายลงทุน ขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 20 (1) ไปเรียบร้อย

3.หนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะทะลุ 60% ในปี 65 หนี้สาธารณะถูกประเมินว่าจะอยู่ที่ 56-57% ณ ก.ย. 64 ถ้ารวมกับผลกระทบโควิดทั้ง 3 รอบจะทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะทะลุ 60% ในปี 65 และ 4.เงินที่กู้มาเยียวยาฟื้นฟู 1 ล้านล้านบาทจะหมดแล้ว

โอนจากงบฯ ฟื้นฟูมาโปะงบเยียวยาอยู่เรื่อย ๆ แทบไม่ได้ลงทุนฟื้นฟูเท่าไหร่ ไม่มีเงินเผื่อเหลือเผื่อขาดไปพยุงเศรษฐกิจและเยียวยาประชาชนจากโควิดต่อจากนี้แล้ว งบฯปี 65 ใน 6 ยุทธศาสตร์ไม่ได้มีเผื่อเหลือเผื่อขาดสำหรับการเยียวยาสรุปงบฯ ปี 65 มืดแปดด้าน ชักหน้าไม่ถึงหลัง ไปทางไหนเจอแต่ทางตัน

ในช่วงที่รัฐบาลกำลังเพลี่ยงพล้ำศึกรอบด้าน

ขณะนี้ ฝ่ายค้านเพื่อไทย พร้อมเปิดศึกในสภา เริ่มด้วยวาระซักฟอกงบประมาณ 65 ที่หมายมั่นว่าจะเป็น “ศึกซักฟอก” อภิปรายไม่ไว้วางใจขนาดย่อม ๆ