วิวาทะภูมิใจไทย แสบทรวง “ประยุทธ์” ถ้าเขาไม่รัก..ก็กลับบ้าน ถึง จัดงบฯปีสุดท้าย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภาพ www.thaigov.go.th

ทำเอาเครียดทั้งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 แม้จะเป็นการประชุม ครม.ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

วันที่ 2 มิถุนายน 2564 เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ตัดพ้อ-น้อยใจ เพราะบรรดาลูกพรรคในพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งภูมิใจไทย จุดไฟในสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 พ.ศ. …

ตำหนิการจัดงบประมาณของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีประสิทธิภาพ ลดงบประมาณกลาโหม มากกว่าสาธารณสุข

พล.อ.ประยุทธ์ จึงระบายในที่ประชุม ครม.ว่า “ขอให้ช่วย ๆ กัน ตรงไหนเกี่ยวข้องก็ให้ช่วยเร่งตอบ ปากก็ว่าโอเค แต่ปล่อยให้ลูกพรรคซัดโครม ๆ”

ไฮไลต์ของความขัดแย้ง โฟกัสไปที่ลูกพรรคภูมิใจไทย ที่มี “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เป็นหัวหน้าพรรค มากกว่าโฟกัสที่พรรคประชาธิปัตย์ กับนายกฯลุงตู่

มวยคู่เอกระหว่าง ภูมิใจไทย กับ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น มีเชื้อไฟสะสมมาตั้งแต่ตอนที่การระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกที่สาม พล.อ.ประยุทธ์ รวบอำนาจ 31 เรื่อง มาบัญชาการเอง โดยที่ รมว.สาธารณสุขเป็นแค่องคาพยพลำดับรอง คราวนั้น “ศุภชัย ใจสมุทร” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขุนพลฝีปากกล้าของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ก็ของขึ้นมาคราวหนึ่งแล้ว

ยังมีปมร้าวเรื่อง “ล้มแผน” วอล์กอินฉีดวัคซีนเพิ่มเติมอีก มาถึงคิวอภิปรายงบฯ 2565 จึงใช้จังหวะตามน้ำ ยามที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเมาหมัดจากปมบริหารวัคซีน ขย่มเรื่องงบประมาณซ้ำอีกดอกหนึ่ง

ไฮไลต์คำเจ็บ ๆ จากลูกพรรคภูมิใจไทยถึง “พล.อ.ประยุทธ์” เริ่มจาก “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า การจัดทำงบประมาณครั้งนี้เป็นการทำงบฯที่ไม่ให้เกียรติพี่น้องประชาชน เพราะในสถานการณ์โควิด-19 สำนักงบประมาณตัดงบของกระทรวงสาธารณสุขลงแทบทุกกรมทุกส่วน

ทั้งที่สถานการณ์โควิด-19 คนที่ดูแลพี่น้องประชาชน คือ กระทรวงสาธารณสุข ที่บอกว่าจะไปใช้งบฯกลางก็เป็นเรื่องที่ทำลำบาก เปรียบเหมือนส่งทหารไปรบแต่ไม่ให้อาวุธ ไม่ให้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไปด้วย แล้วคิดว่าศึกนี้จะชนะหรือ

“วันนี้แม้แต่กระทรวงท่องเที่ยวฯก็ถูกตัด หรือสำนักงบประมาณคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่รักนายอนุทินเสียแล้ว จึงได้ตัดงบประมาณแบบนี้ ผมก็อยากจะบอกว่า หัวหน้าครับ ถ้าเขาไม่รัก ก็กลับบ้านเราเถอะครับ”

“กรวีร์ ปริศนานันทกุล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ ภูมิใจไทย กล่าวว่า อยากย้ำเตือนไปยังสำนักงบประมาณว่า เรากำลังทำสงครามกันอยู่ เราอยู่ในสงครามโรค อาวุธยุทโธปกรณ์ที่กองทัพมีอยู่นั้นไม่สามารถเอาชนะกับสงครามครั้งนี้ได้ แต่อาวุธเพียงอย่างเดียวคือการสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุข เพื่อเป็นหลักประกันในการต่อสู้กับโควิด การจัดลำดับงบประมาณสะท้อนถึงการจัดความสำคัญ หากสำนักงบประมาณเห็นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาของโควิดเพื่อประชาชน กระทรวงสาธารณสุขคงไม่ถูกจัดไว้ในลำดับที่ 6

“การจัดทำงบนปีนี้พิลึกพิลั่นจริง ๆ และไม่มีใครรู้ว่าการจัดทำงบประมาณครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลและรัฐสภาแห่งนี้ก็ได้ หากเป็นครั้งสุดท้าย อยากเห็นว่าจัดสรรงบฯเพื่อแก้ปัญหาและพาชีวิตคนไทยไปสู่ภาวะปกติ”

ปิดท้ายที่ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผู้ที่มักถูกมอบหมายให้พูดกลางสภา ในนามพรรค ได้จัดเต็มว่า ในฐานะสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ที่ตั้งใจทำงานสนับสนุนพรรครัฐบาล ผมทุ่มเททำงานในฐานะเป็นสมาชิกพรรครัฐบาลด้วยความตั้งใจ เต็มใจ และหัวหน้าพรรคผม ท่านก็ทุ่มเททำงานเต็มที่

แต่การที่มี ศบค.ขึ้นมา และมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โอนอำนาจของกระทรวงสาธารณสุขไปอยู่ที่ ศบค. โอนกฎหมายเกือบ 40 ฉบับ ไปอยู่ตรงนั้น และ ศบค.ดำเนินการโดยเลขาฯสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นผู้จัดการทั้งหมด มีอำนาจมากกว่า ถามว่าตรงนี้พรรคภูมิใจไทยรู้สึกอย่างไร

“ท่านไม่คิดหรือว่าพวกเรารู้สึก แม้เราไม่พูดแต่เราคิด จึงมีเสียงสะท้อนมาตั้งแต่วันแรกว่า กลับบ้านเถอะ บางคำสั่งของท่านนายกฯ ในฐานะหัวหน้า ศบค. ตั้งให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจการแพทย์และสาธารณสุข และมีนายกฯ กับ รมว.สาธารณสุข เป็นที่ปรึกษา ถามว่าเวลานั่งประชุมนั่งกันอย่างไร นี่คือสิ่งที่พวกผมรู้สึก และขอนำมาบอกให้ท่านทั้งหลายได้ทราบว่าเรารู้สึกอย่างไร”

“นายอนุทิน คือลูกน้องนายกฯ ท่านใช้งานเขาเถอะ เขาพร้อมสนองท่านตลอดเวลา เวลาประชุมพรรค นายอนุทินพูดจายกย่องท่านนายกฯตลอด แต่ทำไมท่านไม่ใช้เขา วันนี้แนวทางการทำงานต่อไปด้วยกัน พวกเรายินดีสนับสนุนให้งานอันสำคัญของประเทศไปต่อ แต่การทำงานของรัฐบาลต้องปรับแนวคิดใหม่”

“มีการตั้งคำถามว่า หากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ไม่มีวันพรุ่งนี้แล้ว วันนี้ท่านจะทำอะไร ผมก็อยากจะถามสมาชิกผู้แทนราษฎรในที่นี้ว่า หากปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่ท่านจะได้เป็นผู้พิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่าย วันนี้ท่านจะจัดงบฯอย่างไรเพื่อเป็นประโยชน์ต่อแผ่นดิน และเพื่อพี่น้องประชาชน ให้เกิดความคุ้มค่า และมีประสิทธิภาพสูงสุด พรรคภูมิใจไทยตั้งใจทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่ เพื่อพี่น้องประชาชน เราพร้อมที่จะฟันฝ่าอุปสรรคที่เกิดขึ้นวันนี้ด้วยกันกับรัฐบาล โดยเราจะลงมติเห็นชอบในวาระที่ 1”

ทุกคำ – ทุกประโยคของลูกพรรคภูมิใจไทย

เชื่อแน่ว่า “พล.อ.ประยุทธ์” รู้สึก แม้ไม่พูดแต่ก็คิด