เรืองไกร : คิดบัญชีแค้นเพื่อไทย ประกาศเช็กบิลฝ่ายค้าน กั๊กคดี 3 ป.

สัมภาษณ์พิเศษ

นับแต่นี้ไป “พรรคเพื่อไทย” อาจต้องขวัญผวา

เพราะ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” นักร้องเรียนชื่อก้องยุทธภพการเมือง เปลี่ยนฝั่งจากพรรคเพื่อไทย วันนี้ไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้เล่นในตำแหน่งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565

วีรกรรม “เรืองไกร” คอการเมืองไม่มีใคร ไม่รู้จักเขา เพราะมีวีรกรรมเด่น ดัง ผู้ล้มยักษ์ “สมัคร สุนทรเวช” พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากการจัดรายการทำกับข้าว “ชิมไปบ่นไป” เมื่อกันยายน 2551

วันนี้เขาสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ควักเงิน 2 พันบาท เป็นสมาชิกประเภทตลอดชีพ

ประกาศเตือนพรรคเพื่อไทยให้ระวังตัวไว้ เพราะ priority หลักนับจากนี้ เขาจะตรวจสอบพรรคฝ่ายค้านเป็นอันดับหนึ่ง คนในรัฐบาลเป็นอันดับท้าย ๆ

ปมคิดบัญชีแค้น

“เรืองไกร” ให้สัมภาษณ์พิเศษ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึง “ความแค้นฝังหุ่น” ที่มีต่อพรรคเพื่อไทย ทั้งที่วงโคจรของเขาอยู่รอบพรรคเพื่อไทย เครือข่ายทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่ปี 2556 จนเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อไทยลำดับ 41 ตอนเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อไทยรักษาชาติ (ทษช.)

แต่หลังจาก ทษช.ถูกยุบพรรคเพื่อไทยกลายเป็นฝ่ายค้าน “เรืองไกร” กลับเข้าเพื่อไทย สวมบทเป็น “ติวเตอร์” งบประมาณให้พรรคเพื่อไทย ในการอภิปรายงบประมาณ 2563 พร้อมกับเข้าไปนั่งเป็นกรรมาธิการงบประมาณ แต่พอถึงการพิจารณางบประมาณ 2564 เรื่องยุ่ง ๆ ในพรรคเพื่อไทยก็เกิดขึ้น

“พรรคให้ผมเป็นติวเตอร์งบประมาณ 2564 และตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะให้ผมเป็น กมธ.งบประมาณ 2564 มีการพิมพ์รายชื่อแล้ว ผมเห็นชื่อแล้ว รอพี่พงษ์ (สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค) เซ็นอย่างเดียว”

“แต่พอออกแล้ว ทุกคนก็ตกใจว่าไม่มีชื่อผม ผมก็ยืนยันว่าไม่พอใจ ผู้ใหญ่ในพรรคยื่นข้อเสนอให้ผมไปเป็น กมธ.ติดตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทแทน แต่ผมทำการบ้านเรื่องกฎหมายงบประมาณมา ลง exel 4 พันกว่าบรรทัด เขียนรายละเอียด ติวพวกคุณ (ส.ส.เพื่อไทย) มา จะให้ผมเป็นอนุ กมธ. ผมบอกว่าไม่เอา”

“ผู้หลักผู้ใหญ่ ทั้งในประเทศ ต่างประเทศให้ผมโทนดาวน์หน่อย แต่ผมบอกไม่…มีอย่างเดียว เอาจุลพันธ์ (อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ที่ได้รับแต่งตั้งเข้ามาแทนที่) ออก แล้วให้ผมทำงานต่อ แต่พรรคไม่ยอม”

“เมื่อไม่ยอมผมก็ทำจดหมายเปิดผนึก ใส่คอนเวิร์ส ทางใครทางมัน”

ขู่ยื่นยุบเพื่อไทย

จากนั้น “เรืองไกร” ย้ายมาอยู่ในโควตาของพรรคเสรีรวมไทย โดยคำเชื้อเชิญของ “นพ.เรวัต วิศรุตเวช” ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย

“หมอเรวัติบอกให้ผมไปเป็นอนุฯ กมธ.โควตาเสรีรวมไทย แต่คนเพื่อไทยก็ใจแคบบอกว่าเห็นไหม เรืองไกรไปอยู่เสรีรวมไทยแต่เรามองว่าฝ่ายค้านด้วยกัน แล้วตอนผมเป็นอนุฯ กมธ. ยังมีคนในเพื่อไทยยังมีปัญหามาตอแยผมอีก ผมจำฝังใจ”

“ผมบอกว่าอย่าให้ผมคิดมิดีมิร้าย พรรคคุณหายหมด (เพื่อไทย) อย่าให้ผมเห็นนะ ผมยุบทิ้งจริง ๆ นะพรรคนี้ ผมจ้องคุณทุกวันทุกคืน ผมว่าพรรคเพื่อไทยต้องมีหลุดสักวัน อย่าให้ผมเห็นนะ ผมทำให้เห็นแล้ว เรื่องนาฬิกา (ของยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม) ผมก็จ้อง เรื่องของพี่พงษ์ มีไหม… ผมเก็บรูปภาพครบหมด”

กระทั่งเร็ว ๆ นี้ 20 ส.ส.หญิง พรรคเพื่อไทย ทำจดหมายเปิดผนึก ถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ขอความเป็นธรรมให้กับผู้ต้องหาคดีการชุมนุม โดยมีเนื้อหาในลักษณะที่อาจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 (1) ที่ระบุว่า

ส.ส.ต้องไม่ใช้สถานะหรือตําแหน่งการเป็น ส.ส. การก้าวก่าย หรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในการปฏิบัติราชการหรือการดําเนินงานในหน้าที่ประจําของข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือราชการส่วนท้องถิ่น

เรืองไกรจึงยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ

“ผมเป็นนักอ่าน นักเก็บข้อมูล กรณีนี้คล้ายกับกรณีสุเทพ (เทือกสุบรรณ) ที่ทำหนังสือในลักษณะแทรกแซงกระทรวงวัฒนธรรม จะเห็นว่า อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่คล้ายคลึงกันที่ไปแทรกแซงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ซึ่งนายสุเทพโดน ป.ป.ช.ชี้มูลแล้วส่งให้วุฒิสภาถอดถอน แต่ถอดถอนไม่สำเร็จ ดังนั้น การกระทำของคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ ผมแท็กคุณทุกชีวิตเลย กระดุกกระดิก อภิปรายตรงไหน ผมเก็บไว้ทุกคน”

“เดี๋ยวนี้ง่ายมากเก็บเข้าคอมพิวเตอร์ ใส่ไว้ใน external hard disk 2 ก้อน back up ไว้ เผื่อเสีย ถึงเวลาก็มาไล่ว่าวันนี้มีอะไร เช่น ยุทธพงศ์ใส่นาฬิกา ซึ่งนาฬิกามาจากไหน ไม่เห็นมีในบัญชีทรัพย์สิน ผมมีเก็บบัญชีทรัพย์สิน ทั้งหมด 7 ครั้ง ที่ยื่นไว้กับ ป.ป.ช.สมัยนายกฯปู (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) 3 ครั้ง เป็น รมช.เกษตรฯ 3 ครั้ง ครั้งนี้อีก 1 ครั้ง ผมเก็บตั้งแต่เขายังไม่มีเมีย จนมีเมีย แล้วทำแบบนี้ทุกคน” เรืองไกรขู่

เหตุผลย้ายข้าง

ส่วนการเข้าถ้ำ “พลังประชารัฐ” เรืองไกรบอกว่า เหตุผลไม่ใช่อยู่ดี ๆ มาสมัครเป็นสมาชิกพลังประชารัฐ แต่ในสภาเขารู้ไม้ รู้มือกัน

“แต่ผมก็ดูว่าอยู่ตรงไหนที่มีประเด็น มีสีสัน จึงตัดสินใจอยู่พลังประชารัฐ เพราะมีประเด็น สีสันแน่ สมัครสมาชิกวันที่ 30 เมษายน จ่ายเงิน 2 พันบาท เป็นสมาชิกตลอดชีพ แต่หลังจากนั้นก็เงียบไป แต่พลังประชารัฐไม่เคยมาถามความรู้เรื่องงบประมาณเลย ต่างจากเพื่อไทยที่ตั้งวอร์รูมเต็มไปหมด”

“มีพรรคเล็กในฝ่ายค้านมาชวนไปอยู่ด้วย แต่ไม่ไป เพราะถ้าไปอยู่ตรงนั้นก็ไปอยู่ใต้เงาหลักของเพื่อไทย เวลาฝ่ายค้านประชุมกันก็ประชุมที่พรรคเพื่อไทย แต่ผมบอกว่าผมไม่เหยียบแล้วพรรคนี้”

เขาบอกว่า คนที่ดีลกัน โดยหลักคือ “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พลังประชารัฐ ประธานวิปรัฐบาล ก็คุยกันบ่อย คุยกันทีเล่นทีจริง ก่อนหน้านั้น “สุชาติ ชมกลิ่น” ตอนที่ยังไม่เป็นรัฐมนตรีแรงงานก็บอกว่า “ทำงานกับพี่เรืองไกรสนุก”

ส่วนบทบาทใน กมธ.งบประมาณ 2565 เรืองไกรจะมาตบแต่งงบประมาณให้เข้าที่เข้าทาง จะต้องแปรเพื่อความเหมาะสม และงบประมาณฉบับนี้ ครม.มีมติเมื่อธันวาคมปี 2563 แต่ในตอนนี้ปี 2564 มีปัญหาที่ใหญ่โตของบ้านเมืองอย่างโควิดระลอก 3 ซึ่งเริ่มเมื่อเดือนเมษายน และในวันนี้เราต้องให้รัฐบาลเอางบฯไปก่อน

เป้าใหญ่ที่ฝ่ายค้านจับตาคือ “งบฯกองทัพ” อย่างงบฯจัดซื้อเรือดำน้ำ ควรจะต้องชะลอไว้อีกหรือไม่ “เรืองไกร” กล่าวว่า เขาทำของเขามา เป็นงบฯผูกพันกัน ถ้าปีที่แล้วจีนไม่ยอมขยายเวลาให้ก็เป็นเรื่อง ดังนั้น ถ้าปีนี้ถ้าจีนเวฟให้เราก็ไม่ต้องจ่าย เอางบฯไปใช้อย่างอื่นแต่ถ้าเขาไม่ยอมก็ต้องให้ไปเพราะผูกพันสัญญาจีนไปแล้ว

รักษามารยาท หยุดร้อง 3 ป.

อีกด้านในฐานะ “นักร้องเรียน” เขายื่นร้องเรียน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กรณีอาศัยบ้านพักทหาร และทรัพย์สินที่เป็นจักรยาน ร้อง ป.ป.ช. เรื่องบัญชีทรัพย์สินของขุนพล 3 ป. พ่วง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในกรณีนาฬิกาหรู และกรณีจักรยานของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

ร้อง ป.ป.ช.เรื่องบัญชีทรัพย์สินของ “วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” รมช.คมนาคม และยลดา หวังศุภกิจโกศล ภรรยา ที่ได้เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ข้อหาแจงบัญชีทรัพย์สินไม่สอดคล้องกัน

คดีเหล่านี้จะดำเนินการอย่างไรต่อไป “เรืองไกร” ถามกลับว่า “แล้วไง… ผมก็ร้องอยู่ดี จะไปถอนคำร้องผมได้อย่างไร แต่หลังจากนี้ โดยมารยาท ผมจะไปนั่งจ้อง พล.อ.ประยุทธ์ ประวิตร หรือ 3 ป. อยู่ลำดับท้าย ๆ แน่ แต่ฝ่ายค้านอยู่ลำดับต้น ๆ แน่ ผมจะสับคิวขึ้นมาใหม่ ลูกค้ารายแรก ๆ ก็คือฝ่ายค้าน”

“ผมอยู่ปีศาจแดง ย้ายมาหงส์แดง แล้วผมจะไปเอื้อให้ปีศาจแดงได้อย่างไร มันเป็นมารยาททางวิชาชีพอย่างหนึ่ง แต่ของเก่าก็ว่าไป ผมไม่มีเอาเรื่องเก่ามาขุดมาคุ้ย แต่ของใหม่ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าไม่ถูกต้องผมจัดการคุณ (เพื่อไทย) อยู่แล้ว”

“ของเก่าติดไม้ติดนวมของเก่ามา 10 ปี ชำระแค้นไม่หายก็อยู่กันอีกยาว แต่คดี พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ถอน ทิ้งไว้ลำดับหลัง ๆ ความสนใจของผมอยู่ที่ฝ่ายค้าน ใครแหลมมาผมก็ใส่ ถ้าใครหาว่าผมร้องเท็จก็ฟ้องอาญาผมสิ แต่เพราะผมมีข้อเท็จจริงครบ ข้อกฎหมายครบ แต่พวกคณะรัฐมนตรีคงสบายใจขึ้นที่ผมย้ายฝ่าย” เขาปิดท้าย