“มาดามเดียร์” ซัด สธ. ใช้งบฯจากเงินกู้เดิมล่าช้า ไร้ประสิทธิภาพ ขาดการวางแผน

“มาดามเดียร์” อัดกระทรวงสาธารณสุข ใช้งบฯ 4.5 หมื่นล้านจากเงินกู้เดิมล่าช้า-ไร้ประสิทธิภาพ-ขาดการวางแผน ทำให้แก้ปัญหาไม่ทันท่วงที พร้อมขอให้ใช้เงินจากเงินกู้ใหม่อย่างรอบคอบ

วันที่ 9 มิถุนายน 2564 เวลา 12.40 น. มติชนรายงาน น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายการประชุมพิจารณา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาทว่า จากวันแรกที่ออก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท มาจนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ตนไปขอข้อมูลจากกรมบัญชีกลาง เป็นระยะเวลา 1 ปีพอดี

“ระยะเวลา 1 ปีนี้ เราผ่านเหตุการณ์โควิดระลอกที่ 3 แต่ตัวเลขที่กรมบัญชีกลางประกาศออกมาถึงการใช้งบฯ พ.ร.ก.ในส่วนของงบฯ สาธารณสุข จำนวน 4.5 หมื่นล้านบาทนั้น กลับพบมีวงเงินที่ตั้งเพื่อขออนุมัติเพียง 2.5 หมื่นล้านบาท หรือ 57% ของวงเงินดังกล่าว โดยผลของการเบิกใช้จ่ายจริงมีเพียง 7,000 ล้านบาท”

ADVERTISMENT

เมื่อไปดูในรายละเอียด งบฯที่ถูกจัดสรรไปใช้ในเรื่องเกี่ยวกับวัคซีนโดยเฉพาะ กลับพบมีเพียง 2.7 พันล้านบาท หรือ 6% ของเม็ดเงินทั้งหมดจากวงเงินด้านสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้านบาท ที่ประชาชนและรัฐสภาแห่งนี้หวังให้กระทรวงสาธารณสุขมีอาวุธไปต่อสู้กับโรคร้ายให้เราทุกคน แต่เม็ดเงินที่จะต้องนำไปใช้กับวัคซีน กลับถูกนำมาใช้เพียง 6 % เท่านั้น

ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ใช้เงินในการจัดซื้อวัคซีนกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท สิงคโปร์ใช้เงินจัดซื้อวัคซีนกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการแก้ปัญหาโควิดคือ การเตรียมเครื่องมือ ความพร้อมทางการแพทย์ และระบบโครงสร้างสาธารณสุขที่จะกระจายวัคซีนได้อย่างรวดเร็วที่สุดเมื่อวัคซีนมาถึง แต่ในโครงการเหล่านี้ที่ขออนุมัติกลับมีเม็ดเงินเพียง 6,000 ล้านบาท หรือ 13 % ในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาทด้านสาธารณสุข

น.ส.วทันยา กล่าวอีกว่า ล่าสุด วันที่ 8 มิ.ย. ครม. อนุมัติโครงการเพิ่มเติมเกี่ยวกับงบฯกลุ่มสาธารณสุขโดยตรง แต่ที่น่าแปลกใจคือ วงเงิน 4.5 หมื่นล้าน จากวันที่ 5 พฤษภาคม ยังเหลือเม็ดเงินอีก 1.9 หมื่นล้านบาท แต่เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. เหลือเงิน 236 ล้านบาท หรือใช้เงินไปแล้ว 99% คำถามคือในช่วงเวลากว่า 393 วันที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข เตรียมความพร้อมให้กับประชาชนไทยไว้อย่างไร จึงใช้เม็ดเงินเพียง 57% ของเม็ดเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท

ADVERTISMENT

ขณะที่ 33 วัน หลังจากเกิดปัญหากลับสามารถมีโครงการขออนุมัติได้ถึง 1.9 หมื่นล้านบาท ข้อเท็จจริงเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการใช้งบฯที่ล่าช้า และมาเร่งเอาทีหลังในวันที่สถานการณ์ลุกลามบานปลาย แสดงให้เห็นว่าในการทำงานไม่ได้มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า การวางแผนการทำงานที่ไม่มีการประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบจนเป็นสาเหตุให้คนไทยทุกคนต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจและปากท้อง

“ถ้าวันนั้น เราทำงานเชิงรุก การมีอาวุธถึง 4.5 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2563 จะทำให้เรามีเงินจัดซื้อวัคซีนทันต่อการสู้กับโควิด จะมีเงินไปสร้างโรงพยาบาลสนาม และอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อรักษาผู้ป่วย ดังนั้นการออก พ.ร.ก. กู้เงิน 5 แสนล้านบาทในวันนี้ ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เงิน 3 หมื่นล้านบาทที่จะถูกจัดสรร เพื่อใช้ในด้านสาธาณสุขอีกครั้งหนึ่ง คณะทำงานจะวางแผนการทำงานอย่างรอบคอบ ไม่ประมาท เพราะสิ่งที่สูญเสียไปนอกจากจะเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจมหาศาล ยังมีผู้ที่ต้องสูญเสียชีวิตที่อาจจะเป็นคนที่รักของใครสักคนด้วย” น.ส.วทันยา กล่าว

ADVERTISMENT