“ปริญญา” ชี้ 6 ข้อ แค่โยนหินถามทาง เตือน คสช.ลงมาเล่นเอง ระวังเสียความเป็นกลาง

ปริญญาเชื่อ 6 คำถามนายกฯ เป็นการโยนหินถามทาง เช็กกระแส ปชช. ก่อนตัดสินใจตั้งพรรค เตือนอย่าเชียร์พรรคไหน หวั่นทำเสียสถานะความเป็นกลาง

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงคำถาม 6 ข้อของนายกรัฐมนตรีว่า หากมองอย่างพื้นๆ เหมือนเป็นการโยนหินถามทาง อยากรู้ว่าหากมีพรรคการเมืองใหม่ตั้งขึ้น คนจะว่าอย่างไร และหาก คสช.จะเชียร์พรรคนั้นด้วยคนจะว่าอย่างไร และถ้ามองในชั้นที่สองก็คือ หากประชาชนสนับสนุน พรรคที่ คสช.เชียร์จะเกิดได้เลย ซึ่งตรงนี้ต้องมองไปถึงการตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งด้วย เพราะ คสช. คุม ส.ว. เนื่องจากตัวเองเป็นคนแต่งตั้ง และยุทธศาสตร์ชาติที่ ครม.ใหม่ต้องปฏิบัติตาม หากไม่ทำก็มีการร้อง ป.ป.ช.ได้ ซึ่งเป็นมาตรการที่ คสช.ยังคงคุมรัฐบาลหลังการเลือกตั้งได้ ทั้งนี้ ตนมีข้อกังวลใจคือ 1.ทั้ง 6 คำถามให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการสอบถามประชาชน ซึ่งอาจมีปัญหาเรื่องคำตอบว่าจะเที่ยงตรงหรือมีการรับฟังอย่างเพียงพอหรือไม่ เพราะมหาดไทยก็เป็นคนของ คสช. ซึ่งคำตอบที่ได้ก็อาจจะถูกทักท้วงว่าไม่ชอบธรรมที่จะมาใช้ในทางการเมือง 2. การที่ คสช.จะเชียร์พรรคใดพรรคหนึ่ง ทำให้สถานะความเป็นคนกลางจะหมดไปทันที เพราะต้องไม่ลืมว่ารัฐธรรมนูญที่เป็นกติกาต่างๆ คสช.ก็เป็นคนตั้งคณะกรรมการขึ้นมายกร่าง แล้วพอถึงเวลาจะแข่งขัน ตัวเองก็จะมาลงแข่งด้วย คสช.ก็จะเสียสถานะความเป็นคนกลางไปในทันที

“ความจริงแล้วอำนาจของ คสช.หลังการเลือกตั้งยังจะมีอยู่ต่อไปผ่านกลไกของ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของตนเอง และผ่านคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่จะทำในเรื่องการปฏิรูปอีก 5 ปี ถือว่ามีอำนาจมากอยู่แล้ว ถ้าคสช.จะยังคงลงมาเป็นผู้เล่นเอง หรือไปสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง ความเสมอภาคของการเแข่งขันในการเลือกตั้งก็จะถูกกระทบและกลายเป็นปัญหาไม่เชื่อมั่นกลไกรัฐที่ คสช.ควบคุมอยู่ คำถามคือ แล้วมันจะนำประเทศชาติกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้จริงหรือ รวมทั้งถ้า คสช.ลงมาเล่นเอง แล้วชื่อเป็นนายกฯในบัญชีของพรรคการเมืองที่เสนอต่อประชาชน เกิดประชาชนไม่เลือกเข้ามาตั้งแต่แรก ความชอบธรรมในการที่จะมาก๊อกสองเป็นนายกฯคนนอกจากการใช้เสียง 2 ใน 3 ของรัฐสภาก็จะหมดไปในทันที ดังนั้น คิดว่า คสช.ควรรักษาความเป็นคนกลางไว้ดีกว่า แต่ถ้าจะมีคน คสช.เข้าไปเป็นตัวแทนในพรรคการเมืองใด ก็ควรจะลาออกจากการเป็นสมาชิก คสช.ก่อน แล้วให้พรรคเป็นผู้เสนอชื่อในบัญชีรายชื่อ”

นายปริญญากล่าวต่อว่า การตั้งคำถามเช่นนี้ของ คสช. แสดงว่ายังเห็นว่าประชาชนมีความสำคัญ จึงใช้ประชาชนมาสร้างความชอบธรรม รวมทั้งมองว่าขณะนี้เป็นการแข่งขันกันระหว่างการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งกับการเมืองที่มาจากการปฏิวัติ ซึ่งฝ่ายการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งจะเรียกร้องให้ปลดล็อกพรรคการเมืองอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องคิดด้วยว่า ทำไมการเมืองที่มาจากการปฏิวัติจึงได้รับการสนับสนุนจากประชาชนให้อยู่ในอำนาจได้ถึง 3-4 ปี ซึ่งเท่ากับวาระของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งก็ปฏิวัติตัวเองเหมือนกัน เพื่อแย่งศรัทธาประชาชนคืนจากการเมืองที่มาจากการปฏิวัติให้ได้ เพราะถ้าประชาชนเห็นว่าการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งดีกว่า ก็เชื่อว่า คสช.ก็ต้องกลับกรมกองของตัวเองอยู่แล้ว

นายปริญญากล่าวอีกว่า ฝากเตือนไปถึง คสช.ด้วยว่า หากปลดล็อกพรรคการเมืองช้า อาจจะถูกมองว่าเป็นเพราะพรรคการเมืองที่จะตั้งขึ้นใหม่ไม่พร้อมหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี เพราะปลดล็อกช้าก็อาจทำให้เลือกตั้งช้าไม่เป็นไปตามโรดแมป จริงอยู่คนที่ชอบและเชียร์นายกฯมี แต่คนที่ไม่ชอบก็มี ซึ่งตนก็ยังหวังว่า คสช.จะรับฟังคำทักท้วง และไม่ลงมาเป็นผู้เล่นเอง

 


ที่มา : มติชนออนไลน์