ทีมเศรษฐกิจพลังประชารัฐผลัดใบ “ธรรมนัส-นฤมล” ลมใต้ปีก “ประวิตร”

เสียงปี่กลองการเลือกตั้งดังกระหึ่ม คู่คี่-สูสีกับเสียงก่นว่ารัฐบาล บริหารวิกฤตโควิด-19 ผิดพลาด

พลังประชารัฐ-พรรคแกนนำรัฐบาลจัดทัพหน้า-ทัพหลวง เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเฉพาะ “ทีมเศรษฐกิจ” ที่ต้อง “เขย่าขวดใหม่” ถ่ายเลือดเก่า-ผสมเลือดใหม่

“ผลัดใบ” จาก “ทีมสมคิด” กลุ่ม 4 กุมาร มี “อุตตม สาวนายน” อดีตหัวหน้าพรรครุ่นก่อตั้ง “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” อดีตเลขาธิการพรรค “สุวิทย์ เมษินทรีย์” อดีตรองหัวหน้าพรรค และ “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” อดีตโฆษกพรรคกับ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ที่ปรึกษาทางใจ

ไม่นับ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย อดีตเลขาธิการพรรค พปชร. เบอร์ 2 ที่มีข้อจำกัดไม่สามารถเล่นบท “แม่บ้านพรรค” ได้สมจริง-ตีบทแตก โปรเจ็กต์ “เงินจากดิน” ขับเคลื่อนกำลังซื้อเกษตรกรครั้งใหญ่ ไม่ถูกผลักดันออกมาดั่งใจ

พลังประชารัฐยุคใหม่ โดยการนำของ “กลุ่มอำนาจใหม่” ที่มี “กลุ่ม 3 ช.” กับอีก 1 ช.ทายาทประธานวิปรัฐบาล เป็น “ลมใต้ปีก” ของพลังประชารัฐยุคใหม่ ที่มี “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เป็นหัวหน้าพรรค

มี “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็น “แม่บ้านพลังประชารัฐ” ได้ศึกษานโยบายเศรษฐกิจของ “มณฑลกว่างสี” หรือ “กว่างสีโมเดล”

โดยมี “พรรคคอมมิวนิสต์จีน” เป็น “มหามิตร” ที่จะศึกษาแนวทางเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ของพรรค ทั้งด้านเศรษฐกิจ-การเมือง สังคม การศึกษาและกีฬา

เป็น “ต้นแบบ” ที่จะนำมาศึกษาเพื่อกำหนดเป็นนโยบาย เพื่อหลุดจาก “กับดักความยากจน” ให้กลายเป็นประเทศพัฒนา ทำให้ “ประชาชนอยู่ดีกินดี”

“เราคงเลือกเอาวิธีการที่เข้ากับระบบการปกครองของเรา ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ใช่เราจะไปเลียนแบบทุกเรื่อง ที่ไม่เข้ากับระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของเรา เรายังเน้นเรื่องความเป็นประชาธิปไตย เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งท่านหัวหน้าพรรคได้ฝากให้ไตร่ตรองกับฝ่ายกฎหมายให้ดี ทั้งนี้ทั้งนั้น เราเลือกแต่สิ่งที่เกิดประโยชน์กับประชาชน โดยไม่ขัดกับระบบการปกครองของเรา” ร.อ.ธรรมนัสระบุ

ขณะที่ “ทีมเศรษฐกิจ” อยู่ระหว่าง ฟอร์มทีม โดยมีจุดขายเป็น “นักเรียนทุนรัฐบาล” ดีกรีปริญญาเอก อยู่ระหว่างทาบทาม เตรียม “เปิดตัว” เมื่อถึงจังหวะอันควร

ส่วน “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ร.อ.ธรรมนัส กัน “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” รมช.แรงงาน-เหรัญญิกพรรค พปชร. ออกจาก “ทีมเศรษฐกิจ” เพื่อไม่ให้กลายเป็น “หมู่บ้านตำบลกระสุนตก”

แม้โปรไฟล์ “อาจารย์แหม่ม” จะเป็นนักเรียนทุน ระดับ “ด็อกเตอร์” ประดับยศทางวิชาการถึง “ศาสตราจารย์” และยังมีเชื้อสายจีน เป็นลูกหลานแดนมังกร แต่ก็มี passion แก้ปัญหาความยากจน

“แหม่มคนจีน 100 เปอร์เซ็นต์ ในตัวไม่มีเลือดคนไทย อากง อาม่า นั่งเรือมาจากเมืองจีน มาลำบากยากเข็ญในประเทศไทย เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 แล้ว”

“นฤมล” เคยเปิดใจถึงความปรารถนาอันแรงกล้าในการพ้นจากกับดักความยากจน เนื่องจากคุณพ่อขายซีอิ๊ว-แม่ขายกับข้าวหน้าปากซอย-ส่งตามบ้าน พี่-น้อง 6 คนต้องนอนเบียดกันในตึกแถว

“นฤมล” จึงขายไอเดียบนเก้าอี้จับกัง 2 เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของกองทุนประกันสังคมให้มีความยั่งยืน

“การบริหารจัดการกองทุนเป็นฟันด์แมเนจเมนต์ แยกออกไป แต่กระทรวงแรงงานยังเรกูเลเตอร์ กำหนดนโยบาย คำนึงถึงผู้ประกันตนเป็นหลัก แต่ไม่ต้องติดหล่มกับระเบียบราชการ”

นฤมล-มือปลุกปั้น “บัตรคนจน” ยังเสนอให้ปรับการจ่ายเงินกองทุนประกันสังคม เช่นขยายเกณฑ์อายุเกษียณ 55 ปีให้มากขึ้น เพื่อลดภาระกองทุน-ผู้ประกันตนได้ทำงานต่อ

“อยากทำให้ผู้ใช้แรงงาน ทำอย่างไรให้กองทุนยั่งยืน ถ้าไม่ทำอะไรเลย วันนี้เงินกองทุน 2.6 ล้านล้านบาท ถึงวันหนึ่งเงินสำรองจะหมดอีก 38 ปีข้างหน้า เพราะเดิมรับเงินเข้ากองทุนมากกว่าจ่ายออก”

ทีมเศรษฐกิจพลังประชารัฐในยุคที่มี “กลุ่ม 4 ช.” เป็น “ทัพหน้า” กำลังซุ่มฟอร์มทีม-คิดค้นนโยบายเพื่อขายฝัน-ชิงแต้มจากชนชั้นรากหญ้าในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อเป้าหมายเก้าอี้ ส.ส. 120 ที่นั่งขึ้นไป