อินไซต์ศึก ผู้ว่าฯ กทม.-ภูมิใจไทย ประยุทธ์ คุมเชิงวัคซีน “ลูกผู้ชาย”

ศึกสามเส้า-งัดข้อ ระหว่างกรุงเทพมหานคร (กทม.) กับกระทรวงสาธารณสุข ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน ถึงกับ “นอตหลุด” เพียงเพราะ “ไม่ชอบหน้า” ต่อหน้า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี-รมว.กลาโหม กลายเป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว”

เป็นครั้งที่สองที่ “ศรศิลป์ไม่กินกัน” ครั้งแรก “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องทำหน้าที่ “หย่าศึก” มาแล้ว โดยมี “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็น “ผู้ไกล่เกลี่ย”

แม้ว่า “คู่ขัดแย้ง” จะออกมาแถลงข่าว เพื่อ “สยบรอยร้าว” แต่เหตุการณ์ “ไทยร่วมใจ” เบียดคิว “เทหมอพร้อม” ทำให้ “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าฯ กทม. กับ “นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์” อธิบดีกรมควบคุมโรค “มองหน้ากันไม่ติด”

ข่าวลือ-ข่าวปล่อย “ยุบสถานีกลางบางซื่อ” ตอกย้ำความ “ไม่ลงรอยกัน” ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับ กทม. จน “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องออกโรง “ห้ามทัพ” อีกครั้ง

“มันไม่ใช่เวลาที่จะมาขัดแย้งกัน เป็นเวลาที่ต้องมาช่วยกันแก้ปัญหา ติดตรงไหนก็มาคุยกัน ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ให้ข้างบนมาพิจารณาร่วมกัน ให้เป็นทีมเดียวกัน เรื่องนี้ทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่เป็นวัคซีนของใคร ให้ไปคุยกันให้เรียบร้อย ติดขัดตรงไหนก็มาแก้ปัญหากัน” พล.อ.ประยุทธ์ตัดบท

เบื้องลึก-เบื้องหลัง “พูดให้เป็นลูกผู้ชายหน่อย” ระหว่าง “พล.ต.อ.อัศวิน” กับ “หมอโอภาส” ต้นเรื่องของปัญหา คือ วัคซีนทยอยมาไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้-การปรับแผนรายวัน

ก่อนหน้านี้ไม่มีวอล์กอิน ให้ลงทะเบียน on-site แต่ไม่ได้รับการตอบรับด้วยเหตุผลเข้าไม่ถึงเทคโนโลยี แต่วันนี้กลับไปเป็นวอล์กอินได้จนล้นหลามสถานีบางซื่อ

ขณะที่ “ไทยร่วมใจ” ที่มี 25 จุดฉีดนอกโรงพยาบาล-ห้างสรรพสินค้ากลับ “โหรงเหรง”

เมื่อสาธารณสุขยืนยันว่า “ส่งแล้ว” ส่งไปที่สำนักอนามัย ผู้ว่าฯ กทม.ในฐานะสำนักอนามัยก็ต้องรับรู้-รับทราบ ตรงข้าม กทม.กลับยืนกรานว่า “ไม่ได้รับ-ได้ไม่พอ” เพราะจัดไปให้ “หมอพร้อม” เพราะลงทะเบียนก่อน-ถูกเลื่อนคิว

เมื่อต้องฉีดให้หมอพร้อมก่อน-ไม่เทหมอพร้อม เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป-7 กลุ่มโรคประจำตัว จึงไม่สามารถส่งไปให้ 25 จุดฉีดภายใต้สังกัด กทม.ที่ลงทะเบียนผ่านไทยร่วมใจได้

จนทำให้ พล.ต.อ.อัศวิน “อารมณ์ค้าง” เพราะต้อง “เลื่อนฉีด” ไทยร่วมใจ “ล่าช้า” 1 เดือนมาก่อนหน้านี้ จน “คน กทม.” ไม่ไว้ใจกับการลงทะเบียนผ่าน “ไทยร่วมใจ” อาจจะ “ถูกเท” อีก

และอาจจะส่งผลต่อการ “รักษาเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า และถ้าหาก “พล.ต.อ.อัศวิน” ยังหวังให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ส่งเข้าประกวดก็ต้องแอ็กชั่นให้เห็นว่า ไม่ได้เป็นความบกพร่องของ กทม. แต่เป็นเพราะกระทรวงสาธารณสุขส่งวัคซีนมาให้ไม่ครบ

“มัน missing ระหว่างระยะเวลาที่ส่งมากับสถานที่ฉีด อาจจะไม่ matching กัน การรายงานจำนวนอาจจะไม่ง่าย เพราะต้องกระจายไป 132 โรงพยาบาลใน กทม. ที่ฉีดตามระบบหมอพร้อม” แหล่งข่าวที่คอยมอนิเตอร์การจัดสรรวัคซีนใน ศบค.ระบุว่า อาจเป็นเพราะระบบการรายงานข้อมูลที่อาจจะ “หายไป” ระหว่างทาง

เมื่อสำนักอนามัยที่มีผู้ว่าฯ กทม.กำกับ แต่ไม่ได้คุม 132 โรงพยาบาลโดยตรง เพราะขึ้นตรงกับกระทรวงสาธารณสุข-หมอพร้อม จึงกลายเป็นได้ “ข้อมูลไม่ตรงกัน”

อย่างไรก็ดี เมื่อผ่าน “เดือนมรณะ” ที่วัคซีนมาไม่เป็นไปตามนัด และขยับไปฉีดให้กับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปได้ โดยเฉพาะการ “สิ้นสุดวอล์กอิน” ให้มาฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 64 เป็นต้นไป ทุกอย่างจะ “ลงตัว”

หลังจากนี้การลงทะเบียนฉีดวัคซีนจะต้องลงทะเบียนผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ 4 ค่าย และกระจายวัคซีนไปยัง “สถานีกลางบางซื่อ” และ “ไทยร่วมใจ” ตามขีดความสามารถในการฉีดวัคซีน

เมื่อสองระบบ คือ “สถานีกลางบางซื่อ” กับ “ไทยร่วมใจ” ไม่เชื่อมกัน-ตัดยอดกันไม่ได้ ประกอบกับวัคซีนเริ่มทยอยมามากขึ้นจะไม่เกิดปัญหา “วัคซีนไม่พอ” และลดความหวาดระแวงระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับ กทม. เรื่อง “กั๊กวัคซีน” อีก

“พล.อ.ประยุทธ์” จึงต้องบริหารทั้งโควิด-วัคซีน และการเมืองของ “นักการเมือง” และคนที่กำลังจะ “ลงเล่นการเมือง” โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ “คะแนนนิยม” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะยึดอำนาจกฎหมาย 31 ฉบับ ทว่าอำนาจในการบริหารด้านสาธารณสุขตกอยู่ในมือของ “หมอหนู” ทั้งระบบ ทั้งเรื่องยา-วัคซีน พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยก้าวก่าย-ให้เกียรติ

แต่เมื่อการตัดสินใจอยู่ที่ ศบค.-ถูกโยนมาให้ “รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” พล.อ.ประยุทธ์ต้องยอมจำนน-เข้าใจธรรมชาติของนักการเมือง “ไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร”

ประกอบเสียง “ก้อนอิฐ” ที่มีมากกว่า “ดอกไม้” บนโลกโซเชียลอยู่ในมือ (ถือ) ผ่านหู-ผ่านตา “พล.อ.ประยุทธ์” จึงเลือกที่จะนิ่ง-ก้มหน้าก้มตาแก้ปัญหาโควิด

“ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงต้องคิดถึงเรื่องการแก้ปัญหาโควิดก่อน คนป่วยจะรักษาอย่างไร ไม่ให้มีคนตายที่บ้านหรือบนถนน รักษาให้มากที่สุด เตียงสนามส่งยาไปให้ คิดแค่นี้” คนใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ระบุ


แม้การลาออก-ยุบสภากลางสงครามโรคโควิด-19 ไม่อยู่ในหัวของ พล.อ.ประยุทธ์ตอนนี้ แต่ผลลัพธ์จากวิกฤตครั้งนี้จะจบเมื่อไหร่-จบอย่างไร จะเป็นเครื่องตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือไม่ต่างหาก