แอมเนสตี้ ประเทศไทย เดินหน้าเรียกร้อง เจ้าหน้าที่รัฐยุติการใช้กฎหมายปิดปากนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ชี้เป็นการสะท้อนให้เห็นความกลัวของรัฐฯ ที่ไม่ยอมรับฟังเสียงของประชาชน
วันที่ 4 สิงหาคม 2564 รายงานจาก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า สืบเนื่องจากการที่เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายรณรงค์เชิงนโยบาย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ในฐานะนักปกป้องสิทธิมนุษยชนได้รับหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและ พ.ร.บ.จราจรทางบก จากการไปร่วมเป็นวิทยากรในกิจกรรม ‘คืน-ยุติธรรม’
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
เพื่อรำลึกถึงผู้ถูกบังคับให้สูญหาย เนื่องในวาระครบ 1 ปี 1 เดือนการหายตัวไปของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ และร่วมเสวนากับญาติและบุคคลใกล้ชิดกับผู้ที่ถูกบังคับให้สูญหาย เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 64 บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจัดโดยกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ
นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า การดำเนินคดีต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากการรายงานและกล่าวถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นเรื่องที่น่าตกใจ และการกระทำของรัฐในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความกลัวของรัฐที่ไม่ยอมรับฟังข้อเรียกร้องของประชาชน
ในทางกลับกัน รัฐกลับมุ่งแสวงหาช่องทางทั้งในทางกฎหมายและวิธีการอื่นๆ เพื่อกีดกั้น จำกัดสิทธิและสร้างความหวาดกลัวแก่คนที่ออกมาเคลื่อนไหว ให้อยู่ในความเงียบและยุติการทำงานในที่สุด
หากแต่ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนไม่ใช่เป็นประเด็นเฉพาะกลุ่ม แต่เป็นการขับเคลื่อนของคนทั่วโลกที่เห็นถึงความสำคัญของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความเท่าเทียมกันของคนในสังคม การกดขี่ของรัฐที่กระทำต่อกลุ่มคนชายขอบหรือกลุ่มเปราะบางกลายเป็นประเด็นระดับโลกที่ทั้งประชาชนและรัฐต่างให้ความสำคัญ ในประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามหลักการ อีกทั้งยังปฏิบัติตรงกันข้ามจะกลายเป็นรัฐส่วนน้อยที่กำลังจะหายไปจากความชื่นชมของคนในสังคมและประชาคมโลก
“แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐยุติการใช้กฎหมายปิดปากนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เพียงเพราะการทำงานของพวกเขาในการสร้างความรู้ ความเข้าใจในประเด็นสิทธิมนุษยชน อีกทั้งเรายังเรียกร้องให้รัฐสนับสนุนและส่งเสริมการทำงานในประเด็นสิทธิมนุษยชนแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหาย นักกิจกรรม รวมทั้งนักปกป้องสิทธิมนุษยชนด้วย”