“ประยุทธ์” ขีดเส้น ฉีดวัคซีน 50 ล้านโดส ภายในเดือนตุลาคม

ประยุทธ์ ขีดเส้น ฉีดวัคซีน 50 ล้านโดส ภายในเดือนตุลาคม ย้ำ แอสตร้าเซนเนก้าส่งครบ 61 ล้านโดสภายในสิ้นปี 64 ยันไม่มีเจตนาทุจริต ลั่น ไม่ใช้อำนาจเหมือนคนบ้า ซัด ฝ่ายค้าน สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในปัจจุบันมีหลายระลอก รวมถึงการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด 19 ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งบริษัทผลิตวัคซีนมีเพียง 9-10 บริษัทที่ประสบผลสำเร็จในการใช้วัคซีนในมนุษย์และมีจำหน่ายในโลก แต่ความต้องการจำนวนมากไม่เพียงพอต่อกำลังขีดความสามารถการผลิต สำหรับการจัดหาวัคซีนของประเทศไทย ตนได้รับความยืนยันจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็บริษัทแม่จะจัดหาวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้เราให้ได้ภายในสิ้นปี 64 ให้ครบ 61 ล้านโดส และรัฐบาลพยายามพัฒนาวัคซีนภายในประเทศควบคู่กันไปด้วย 

“วันนี้ผมยืนยันว่า เราสามารถจัดหาวัคซีนฉีดให้คนไทยครบ 50 ล้านโดส ในเดือนตุลาคม 64 พยายามจะทำให้ได้ เพราะวันนี้สถิติการฉีดบางวันฉีดได้ 9 แสนคน บางวันฉีดได้ 6 แสนคนเป็นอย่างต่ำ ผมคิดว่าทำได้ และสิ้นปี 64 เราจะมีวัคซีนได้ถึง 140 ล้านโดส หมอจะฉีดยังไงก็เรื่องของผมหมอ ผมไม่ใช่หมอ”

เราทราบว่าสาเหตุการแพร่ระบาดมากจากไหนและแก้ปัญหา เรื่องแรงงาน ซึ่งดำเนินการตามข้อเสนอแนะของแพทย์ สาธารณสุข อย่างไรก็ตามย่อมเกิดปัญหาขึ้น เพราะคนจำนวนมาก ซึ่งต้องแก้ไขต่อไป ผมไม่โทษใคร เพราะทุกคนต้องช่วยกัน วันนี้มาบอกว่าไม่มีการพัฒนาเลย ไม่ใช่ ช่วงแรกอาจจะมีคนตกหล่น ไม่สามารถเข้าสู่ระบบการรักษา โรงพยาบาลได้ เตียงมันเต็ม ผมก็ได้มีการพัฒนาโรงพยาบาลสนาม วันนี้สถานการณ์ดีขึ้นมาหลายสัปดาห์

“ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของการปกปิดยอด อย่างที่ท่านพูด ผมทำไม่ได้หรอกครับ เพราะสถิติเหล่านี้ต้องรายงานไปยังองค์กรระหว่างประเทศด้วย มีการประเมินทุกประเทศในโลกเพื่อจัดอันดับ ซึ่งยังไม่มีข้อสังเกตอะไรมา สถานการณ์ดีขึ้น ไม่อยากพูดให้ทุกคนท้อแท้ 

“ผมเสียใจ ผมเสียใจ ที่มีการสูญเสีย มีการบาดเจ็บ ไม่มีใครอยากทำให้เกิดขึ้นหรอกครับ ผมไม่อาจจะไปค้าความตาย  อย่าใช้คำพูดให้เวอร์ มันเกินไปเลย ใครเสียชีวิตก็ไม่มีใครมีความสุข ผมก็หัวอกครอบครัว หัวอกของพ่อ ของแม่ มีพ่อ มีแม่ มีปู่ มีย่า มีตา มียาย ไม่มีใครอยากให้เสียชีวิต ยิ่งตอนนี้ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็เสียใจมากกว่าอยู่แล้ว ผมแบกรับชีวิตของท่านไว้ด้วย ผมไม่ทำอะไรให้มันเกิดปัญหาหรอกครับ”

ไม่มีเจตนาทุจริต-ไม่ใช้อำนาจเหมือนคนบ้า

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้กลไกหลักคือ ศบค. ซึ่งมีหลายหน่วยงาน ไม่ใช่ผมเอาทหารมาขับเคลื่อน เป็นการสั่งการโดยทหารในเชิงบริหารเพื่อเชื่อมข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงผู้ประกอบการภาคเอกชน เพื่อนำเสนอ ศบค. และคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดมาตรการต่าง ๆ ออกมา และมีฝ่ายเศรษฐกิจในการเตรียมมาตรการรองรับ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน อยู่เสมอ ภายใต้งบประมาณที่มี เช่น งบกลาง งบเงินกู้

“ท่านบอกว่ามีทุจริต ท่านก็ไปดูมาก็แล้วกัน ผมเชื่อมั่นว่า สิ่งที่ผมทำไประดับรัฐบาล ระดับนายกรัฐมนตรี ผมเชื่อมั่นว่า ผมไม่มีเจตนาทุจริต จะเล็งเห็นผลหรือไม่ก็ไม่ไปว่ากัน ผมไม่ค่อยคุ้นเคยเรื่องการทุจริตอ่ะนะ”

“ส่วนการตัดสินใจต่าง ๆ ต้องใช้กระบวนการตัดสินใจที่รอบคอบ ผมเป็นทหารมาก่อน การตัดสินใจของทหารละเอียดยิบยับ ต้องมองถึงผลดีผลเสีย ผลการปฏิบัติที่ดีที่สุด ต้องเสนอขึ้นมา ผมไม่เคย เคยไม่เสนอ และอยู่ดี ๆ ผมสั่ง เพียงแต่ผมให้ข้อสังเกตไป นั่นคือการทำงานของผม”

เรื่องของวัคซีนสาธารณะ เพื่อไม่ให้ต่างประเทศกักตุนวัคซีน การให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีน ผมไม่เคยขัดข้องกับท่าน ท่านทำถูกต้องตามระเบียบมันก็ทำได้หมด ต้องมีบริษัทตัวแทนอยู่ในประเทศไทย 

“เรื่องการโอนอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามกฎหมาย 40 ฉบับ เป็นการโอนอำนาจชั่วคราว ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ไม่ใช่ทุกวัน ทุกเวลา ทุกนาที 40 ฉบับอยู่กับผมหมด ไม่ใช่ มันมีช่วงเวลาที่ต้องอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชาแก้ไข ปราบปราม ระงับยับยั้งในสถานการณ์ฉุกเฉิน ฟื้นฟูได้ทันท่วงที เอาไว้ใช้ตอนนั้น ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ก็ฉุกเฉิน ๆ ๆ ตลอด ผมว่าบ้าแล้วมั้ง ผมว่า ห๊ะ ใช้อำนาจแบบนั้นก็บ้าแล้ว ขออนุญาตใช้คำรุนแรงสักนิดหนึ่ง” 

ขณะที่เรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ ยาฟ้าทะลายโจร ยาอะไรอีก 108 อย่าง ถ้าผ่านการพิสูจน์คุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ผมไม่เคยขัดแย้ง ชาวบ้านเขาก็มีปัญญาหาเองได้ บางส่วน บางส่วนไม่มีเราก็จัดหาให้ วันนี้ท่านบอกว่า ผมไปบิดเบือนยอด คิดแบบนี้มันได้ไหมไม่รู้ ถ้าคิดหัวกลับแบบนี้ มันไปไม่ได้หมด การแก้ปัญหาก็ไปไม่ได้  

ซัด สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ผมยืนวันว่า ผมสั่งการตามระบบที่มีความเป็นไปได้ตามคณะที่ปรึกษาทั้งหมด ไม่ว่าจะอาจารย์หมอ อะไรทั้งสิ้น เพราะผมก็ตั้งมาเองทั้งหมดนั่นแหละ นะ เรื่องแทงม้าตัวเดียว เรื่องจัดหาวัคซีนประเทศไทย ทำไมช้า ทำไมไม่ได้ ทำไมไม่ร่วมโคแวกซ์ ชี้แจงได้อยู่แล้ว วันนี้คนที่เป็นสมาชิกโคแวกซ์ก็ยังไม่ได้วัคซีนตามที่ต้องการเลย ไม่ได้ตามยี่ห้อที่ต้องการด้วยซ้ำไป เพราะต้องไปลงทุนอะไรกับเขา แต่ระยะที่สองน่าจะดำเนินการได้ เพราะเขาปลดล็อกไปเยอะพอสมควร เรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องการลงทุนร่วม 

“เราพยายามพึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุด เราไม่ได้ไปร้องขอบริจาคจากใคร เขาเห็นประเทศไทยเป็นมติประเทศ เขาบริจาคให้เอง ท่านคิดว่าคนอย่างผมจะขอคนหรอกเหรอ จิตใจผมมีแต่ให้ ผมยังนึกอยู่เลย ถ้าเรามีวัคซีนเพียงพอ ผมก็ต้องดูแลอาเซียน ใช่ไหม เขาเพื่อนบ้านเราใช่ไหม ผมไม่ใช่คนใจแคบอยู่แล้ว”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับเรื่องเกษตร ยางพารา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์จะชี้แจงอีกครั้ง ตนเป็นระดับนโยบาย ระดับประธาน ประธานมีหน้าที่ฟังกับข้างล่างขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องที่ตนต้องรู้รายละเอียดทุกเรื่อง ตนรู้ในเชิงบริหาร โดยรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 

“เรื่องการปฏิรูปตำรวจ ผมจะหาโอกาสชี้แจงอีกทีแล้วกันนะ เรื่องการศึกษาก็พาดพิงมาอีกว่า สอนให้ประชาชนโง่ ถ้าสอนอย่างงี้จริง ๆ มันสอนมานานแล้ว ผมกำลังสอนให้ฉลาดขึ้น จะไม่ได้ฟังพูดแบบเมื่อกี้ก็เชื่อไป ดราม่า อะไรมั่ง พูดไป ถ้าเชื่อแบบนี้เรียกว่า ไม่ฉลาด ผมจะทำให้เขาฉลาดขึ้น เดี๋ยวผมจะพูดพรุ่งนี้ หลายอย่างเตรียมไว้แล้ว ต้องเข้าใจว่า ปฏิรูป เปลี่ยนพรึ่บเดียวมันทำไม่ได้หรอก นะ มันวุ่นวายไปหมด”

“หลาย ๆ เรื่อง ท่านก็หาว่า ผมอย่างโน้น อย่างนี้ ท่านคิดอะไรก็คิดไปเถอะ ผมรู้แน่แก่ใจของผมเอง สิ่งสำคัญที่สุด คือ สิ่งที่ผมได้รับการสั่งสอนจากพ่อแม่ผมมา จากครูบาอาจารย์ของผมมา เขาให้ผมพูดจาเรียบร้อย ให้สุภาพ ใจเย็น ๆ นะ ไม่ใช้คำพูดที่หยาบคาย เหยียดหยาม ดูถูก สอนไว้ว่า สำเนียงส่อภาษากริยาส่อสกุล นะครับ ผมจะพยายามทำให้สภาแห่งนี้เป็นสภาของผู้ทรงเกียรติอย่างแท้จริง ขอบคุณสมาชิกต่าง ๆ ที่เสนอแนะอันเป็นประโยชน์ และใช้กิริยาวาจาที่เหมาะสม สุภาพเรียบร้อย นั่นควรจะเป็นมาตรฐานตามที่ท่านนายกฯชวน ประธานสภาได้กล่าวไว้แล้ว ขอบคุณครับ สวัสดีครับ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวทิ้งท้าย