รมช.กลาโหม แจงซื้อเครื่องบิน-ซ่อมรถยนต์-เรือดำน้ำ “ไม่มีส่วนต่าง”

FILE PHOTO : MATICHON

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม แจกแจงการซื้อเครื่องบิน-ซ่อมรถยนต์-เรือดำน้ำจีทูจี ยืนยันไม่มีส่วนต่าง เผยนายกฯ ย้ำให้คำนึงถึงกฎหมาย ระเบียบ และมีประสิทธิภาพ

วันที่ 2 กันยายน 2564 เวลา 18.30 น.พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจงข้อกล่าวหาฝ่ายค้านถึงกรณีพฤติกรรมส่อความไม่โปร่งใสต่อการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธยุทโธปกรณ์ ว่า ยืนยันว่าการจัดหาเครื่องบินอเนกประสงค์ที่ใช้หลากหลายภารกิจ มูลค่า 1,272 ล้านบาท ไม่มีส่วนต่าง เพราะกรอบงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ คือวงเงินจำนวนเท่ากัน

ขณะที่โครงการซ่อมรถยนต์ M35 กองทัพบกพิจารณาแล้วเห็นว่ารถที่มี 2,600 คัน นั้นชำรุด 1,000 คัน แม้เดิมจะจัดหา แต่ต้องมีระยะเวลาดำเนินการเพราะต้องคัดเลือกแบบ แต่สถานการณ์ขณะนี้ไม่เอื้ออำนวย จึงปรับปรุงรถที่มีอยู่เพื่อให้ใช้งานได้ 10 ปี ทั้งนี้การปรับปรุงได้มอบหมายให้หน่วยสรรพาวุธดำเนินการ คันละ 2 ล้านบาท

“ที่ผ่านมากองทัพจัดทำรถต้นแบบมาตรฐาน 100 คัน และกรรมการกองทัพบกได้ทดลองใช้ในภูมิประเทศต่างๆ สามารถใช้ได้ดี จึงมีแนวความคิดปรับปรุงเพื่อยืดอายุการใช้งาน โครงการเดิมคือจะจัดหาเพิ่มเติม 169 คัน แต่หากปรับปรุงจะทำให้ได้ 259 คัน ส่วนรถ Unimog นั้น หากจัดซื้อราคาปัจจุบันอยู่ที่ 8.2 ล้านบาท จึงคิดว่าหากปรับปรุง 201 คัน ทำให้ได้รถที่สามารถปฏิบัติการในภูมิประเทศที่ยากลำบากและตอบสนองได้มากกว่ารถที่ถูกยกมาเปรียบเทียบ ทั้งนี้ การทำงาน นายกรัฐมนตรีกำชับให้กองทัพบกคำนึงถึงกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง และทำให้มีประสิทธิภาพ”

พล.อ.ชัยชาญ กล่าวอีกว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำที่ถูกยกสัญญาแบบรัฐต่อรัฐมาเปรียบเทียบ โดยมีฉบับที่เสียภาษีกับไม่เสียภาษีนั้น โรงงานวัตถุระเบิดต้องเสียภาษีเช่นกัน การจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เป็นวิธีจัดซื้อจัดจ้าง มีรัฐเป็นคู่สัญญา และรับประกันความสำเร็จ


อย่างไรก็ตามการจัดซื้อต้องเสียภาษีตามประมวลกฎหมายรัษฎากร ที่ผ่านมากองทัพเรือได้ปฏิบัติตามแนวทางที่กระทรวงการคลังมีหนังสือชี้แจงเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2538 แต่บริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในประเทศ ทางกองทัพเรือได้หักภาษี 7% เพื่อส่งคืนคลัง