“มาดามเดียร์” ยอมรับโทษงดออกเสียง “อนุทิน” เหตุบริหารวัคซีนล้มเหลว

มาดามเดียร์ อนุทิน

มาดามเดียร์ แจง “งดออกเสียง” ไว้วางใจ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ชี้จัดการวัคซีนล้มเหลว-ไร้แผนรองรับ ยันไร้ปัญหาส่วนตัว น้อมรับหาก “พปชร.” ลงโทษเหตุโหวตสวนทางมติพรรค

วันที่ 6 กันยายน 2564 นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ถึงประเด็นกลุ่มถูกลอยแพจากกลุ่มดาวฤกษ์ หลังสมาชิกโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไปคนละแนวทาง เปรียบเสมือนถูกเทแล้วใช่หรือไม่นั้น

นางสาววทันยา ระบุว่า ไม่ได้เท ตนมองว่าในการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งตนและเพื่อน ๆ เราต่างทำการบ้านว่าจะโหวตหรือไม่โหวตให้ใคร และตัดสินใจบนความรอบคอบในการพูดคุย ปรึกษาหารือ แต่ใครจะลงมติอย่างไรถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. แต่ละคน ซึ่งเป็นเรื่องที่เราให้เกียรติซึ่งกันและกันไม่ก้าวก่าย

ทั้งนี้ เราไม่อยากให้มีความคิดใครคนใดคนหนึ่งไปนำความคิดของคนใดคนหนึ่ง เรามีการคุยกันในบทคำอภิปราย ใครเห็นด้วยไม่เห็นด้วย ใครรู้สึกอย่างไร แต่ไม่ได้พูดว่าจะลงมติอย่างไรกัน ซึ่งตนถือว่าการลงมติอย่างไรนั้นขอละไว้เป็นเอกสิทธิ์ของตนเองเช่นเดียวกัน

ตนคิดว่าวันนี้ ส.ส ทุกคน ที่ได้รับเลือกจากประชาชนมาเข้ามาทำงาน เป็นตัวแทนในสภาผู้แทนราษฎร ล้วนต้องเป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะ ต้องคิดได้ ยืนยันว่า ใครจะโหวตอย่างไรนั้นไม่ได้มีการพูดคุย แต่ทางพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการเรียกประชุมและมีการพูดคุยว่าอยากให้บรรยากาศในเรื่องการโหวตไปในทิศทางเดียวกัน ในช่วงของสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวของพรรคพลังประชารัฐเป็นที่ทราบกันดี โดยน้ำหนักสำคัญ คือการโหวตให้กับนายกรัฐมนตรี เป็นหลัก

เมื่อถามว่าการโหวตสวนทางไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ จะมีผลอะไรกับพรรคและทางพรรคมีสัญญาณอะไรหรือไม่ นางสาววทันยา กล่าวว่า ในการที่ตัดสินใจโหวตครั้งนี้ เป็นเพราะไม่สามารถฝืนใจตัวเองได้จริง ๆ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องโควิด-19

วันนี้คนไทยทุกคนโดยเฉพาะคน กรุงเทพมหานคร เป็นไข่แดงในการการเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราเห็น รับรู้ และประจักษ์ว่าการบริหารในงานสาธารณสุขล้มเหลว ผิดพลาด โดยเฉพาะในเรื่องการจัดหาวัคซีนที่มาไม่ตามแผน ตนคาดหวังว่าในฐานะผู้นำ วิสัยทัศน์ในเรื่องแผนสำรองเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นการขาดแคลนของวัคซีน ทำให้เห็นว่า ผู้นำเอง คือ กระทรวงสาธารณสุข ที่เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงในการจัดหาวัคซีนกลับไม่ได้มีแผนสำรองใด ๆ ไว้เลย ทำให้เกิดปัญหาในประเทศ ประชาชนต้องล้มตายจากการไม่ได้รับวัคซีน

เมื่อถามว่าครั้งที่แล้วมีการโหวตสวนมติพรรคพลังประชารัฐ ถูกลงโทษ 6 เดือน ครั้งนี้สวนมติพรรคอีกจะถูกลงโทษกี่เดือน นางสาววทันยา กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ทั้งหมดพร้อมที่จะน้อมรับหากทางพรรคพลังประชารัฐไม่สบายใจอย่างไร แต่ตนคิดว่าทำงานแบบตรงไปตรงมา ไม่ได้มีลับลมคมใน ไม่ได้มี agenda ใด ๆ ทั้งสิ้นนั้นจะเห็นจุดยืนที่ตนเลือก คือการยืนเคียงข้างประชาชน

เมื่อถามว่า งดออกเสียงให้กับนายอนุทิน เพราะมองว่าผิดพลาด ล้มหลวในการแก้ปัญหา โควิด-19 เหตุใดจึงไม่งดออกเสียงให้กับนายกรัฐมนตรี เพราะเป็น ผอ.ศบค. นางสาววทันยา กล่าวว่า ศบค. ทำงานในเรื่องการจัดการแก้ปัญหาโควิด-19 ในภาพรวม แต่เป็นที่ทราบดีว่ากระบวนการการจัดหาวัคซีนเป็นหน้าที่รับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข

แม้ว่าภายหลังตั้งแต่มีการระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ประมาณกลางปีที่ผ่านมาที่นายกรัฐมนตรีได้มีการสั่งโอนอำนาจให้ไปขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดระลอก 3 ในเรื่องการจัดหาวัคซีนได้เกิดขึ้นไปก่อนหน้านั้นแล้ว ควรเกิดขึ้นจริง ๆ ตั้งแต่เมื่อปี 2563 ที่แต่ละประเทศเร่งหาวัคซีน ในตอนที่วัคซีนยังผลิตไม่เสร็จด้วยซ้ำไป

ดังนั้นในการจัดหาวัคซีน การมีแผนสำรองเหล่านี้ ตนมองว่าเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุขโดยตรงในอันดับแรก ส่วน ศบค. ไม่ใช่ว่าไม่เชิงรับผิดชอบเลย แต่อย่างที่บอกในการจัดการในเรื่องของวัคซีน ถ้าจะต้องลงมติไม่ไว้วางใจท่านใดท่านหนึ่ง ก็ควรจะต้องเป็นผู้ที่รับผิดชอบโดยตรง

เมื่อถามว่า เกิดการวิจารณ์ว่ามีความในใจมีเรื่องส่วนตัวกับนายอนุทินหรือไม่ นางสาววทันยา ระบุว่า ไม่มีใด ๆ ทั้งสิ้น อย่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา ไม่ได้มีประเด็นเรื่อง โควิด-19 หรือบรรยากาศไม่ได้รุนแรงแบบนี้ ตอนนั้นตนได้ให้ความไว้วางใจนายอนุทิน

พอเรื่อง พ.ร.ก.เงินกู้ ตอนมาขออนุมัติเงินกู้ 5 แสนล้านรอบ 2 ตน มีการอภิปรายถึงการทำงานสาธารณสุข จากตัวเลขของการทำงานเราเห็นถึงความผิดพลาดจริง ๆ เงิน 4.5 หมื่นล้าน ได้ไปรอบแรกเมื่อปี 2563 ที่ถูกไปใช้ด้านสาธารณสุข ซึ่งเป็นอำนาจโดยตรงของกระทรวง แต่กระทรวงกลับไม่ใช้เงินทั้งที่เงินจำนวนนี้สามารถจัดซื้อวัคซีนให้คนไทยทั้งประเทศได้

ส่วนกลุ่มดาวฤกษ์ยังอยู่หรือไม่นั้น นางสาววทันยาระบุว่า ดาวฤกษ์เราเริ่มมาจากความเป็นเพื่อน และการทำงาน สื่อมวลชนจึงตั้งฉายาให้เรา เชื่อว่าในความเป็นเพื่อน มิตรภาพ เป็นมาอย่างไรก็จะเป็นแบบนั้นเหมือนเดิม