ชงเลือกตั้งเพื่อปฏิรูป “เอนก” มัดมือ 5 พรรคการเมือง

ในช่วงที่กระแสการ “ต่อท่ออำนาจ” ผ่าน “พรรคทหาร” ถูกโยนหินถามทาง ทำให้ “โรดแมป” การปฏิรูปการเมือง-การสร้างความปรองดองถูกดอง “พับใส่ลิ้นชัก” ขณะที่พรรคการเมืองถูก “กฎเหล็ก” ไม่ให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว

ทว่า “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง “จุดพลุ” ขอความเห็น “คนการเมือง” ในการปฏิรูปประเทศเพื่อให้การเลือกตั้ง “ครั้งที่ 1” เป็น “การเลือกตั้งเพื่อการปฏิรูปการเมืองใหม่” ลดโทนการเมืองให้ “เย็นลง”

“เอนก” ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง กล่าวว่า ร่างแผนปฏิรูปประเทศด้านการปฏิรูปจะ “ผูกมัด” หน่วยงานราชการ กำหนดให้รัฐบาล “ติดตาม-ตรวจสอบ” หน่วยงานของรัฐ ว่ากล่าว-ตักเตือน-ลงโทษ ให้ทำตามแผนปฏิรูป

“ภายใน 5 ปี สิ่งที่จะเห็นเป็นรูปธรรม-ออกผลเร็ว เช่น การเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกตั้ง ทั้งระบบไพรมารี่โหวตและระบบการเลือกตั้งทั่วไป (จัดสรรปันส่วน) ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งที่ 1 ดังนั้นความพยายามในการเลือกตั้งครั้งที่ 1 ที่กำลังจะมาถึงจะเป็นการเลือกตั้งเพื่อการปฏิรูปการเมืองใหม่ โดยการเสนอแนะและผลักดันให้รัฐบาลและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องช่วยให้การเลือกตั้งครั้งที่ 1 เป็นไปเพื่อการปฏิรูปการเมืองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

5 พรรคการเมือง “บิ๊กเนม” ที่ “เอนก” ร่อนเทียบเชิญ ได้แก่ นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย-ขณะอยู่ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ

ร่างแผนปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ที่ “เอนก” ตั้งแท่น-ขอคำตอบ ประกอบด้วย 5 ประเด็น 1.เรื่องการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม 2.เรื่องการสร้างรัฐธรรมาธิปไตย 3.เรื่องการเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองและการมีส่วนร่วม 4.เรื่องกลไกการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธีและการรู้รักสามัคคี และ 5.เรื่องการกระจายอำนาจและการจัดสรรทรัพยากรที่เป็นธรรม

โดยร่างแผนปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ระยะ 5 ปี จะเสร็จภายในสิ้นเดือน ธ.ค. 2560 เพื่อส่งให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่มี “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นประธาน ก่อนนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ ขีดเส้น-บังคับใช้เดือน เม.ย. 2561

“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า “ความสำเร็จ” ของการปฏิรูปการเมืองอยู่ที่การ “ปฏิบัติจริง” ซึ่งตามตัวกฎหมายโครงสร้างในขณะนี้หลายประการยังเป็นปัญหาและไม่สามารถเดินตามโครงสร้างได้อย่างเต็มที่ อาจเป็นไปได้ยากที่จะเห็นการปฏิรูปการเมืองสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม

“สิ่งที่เสนอให้คณะกรรมการปฏิรูปการเมือง คือ เรื่องวัฒนธรรมทางการเมือง อยากให้คิดเลยไปไกลกว่ากฎหมายและโครงสร้าง เพื่อให้เกิดการปฏิบัติมีวัฒนธรรม มีมารยาททางการเมืองที่จะส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การทำงานการเมืองมีวิธีการและขอบเขตอย่างไรที่จะไม่นำไปสู่ความรุนแรง เคารพกฎหมาย ยึดประชาชนเป็นสำคัญ”

ด้าน “นิกร จำนง” ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ประเด็นปฏิรูป 5 ประเด็น เปรียบเสมือนเป็นเรื่อง “นามธรรม” ดังนั้น ประเด็นสำคัญที่ต้องมาคุยกันวันนี้ คือ “ผลสัมฤทธิ์” ภายใน 5 ปี จะทำอย่างไรให้สำเร็จเป็น “รูปธรรม”

สำหรับประเด็น 5 ข้อของการปฏิรูปการเมือง “นิกร” เห็นว่า จะต้อง “จัดอันดับ” ความสำคัญ เพราะเปรียบเสมือนเป็น “โดมิโน” ถ้าจัดอันดับความสำคัญผิดการเมืองก็จะ “ถอยหลัง” และต้อง “เพิ่ม” หัวข้อการปฏิรูป-ไม่ควรตีกรอบไว้เพียง 5 ประเด็น

“การปรองดองต้องทำก่อนเลือกตั้ง ถ้าไม่ปรองดองจะทำให้ไม่เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจและทำให้เกิดปัญหาตามมา ความเชื่อถือในระบบการเมืองจะไม่มี การเมืองจะไปต่อลำบาก”

ขณะที่ “เสี่ยหนู-อนุทิน” แห่งภูมิใจไทย ออกตัว-ถ่อมตัว ว่า คงไม่เสนออะไรมาก เพราะเป็น “พรรคเล็ก” และพรรคการเมืองต้องพร้อมลงสนามการเมืองได้ทุกเวลา “ขอให้เลือกตั้งได้-คสช.วางตัวเป็นกลางก็พอแล้ว”