15 ปี กับฉากยึดอำนาจ – รัฐประหาร 19 กันยายน ตามหลอกหลอนใครหลายคน หนึ่งในนั้นคือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ปฏิเสธ “งด” ให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น โดยให้เหตุผลว่า บ้านเมืองขณะนี้อยู่ในช่วง “เปราะบาง”
แต่วาระ 15 ปี 19 กันยา ของใครอีกหลายคน คือการเดินขบวนไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เข้าควบคุมอำนาจเมื่อ 7 ปีก่อน
“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)นัดหมาย “ชุมนุมคาร์ม็อบ” วันที่ 19 กันยายน 2564 ภายใต้ชื่อธีมว่า ‘ขับรถยนต์ชนรถถัง’ #15ปีแล้วนะไอ้สั*
เซ็ตวัตถุประสงค์คาร์ม็อบว่า ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงเพื่อรำลึกถึงรัฐประหาร วันที่ 19 กันยายน 2549 ที่นำโดยคณะของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เท่านั้น
แต่เราต้องการที่จะเน้นย้ำให้เห็นสาระสำคัญว่า รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนถึง รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 และการสืบทอดอำนาจโดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในปัจจุบัน เป็นเรื่องเดียวกัน คิดแยกส่วนไม่ได้
“มองตัดตอนก็ไม่ได้ เพราะเกิดขึ้นจากขบวนการอำนาจนอกระบบ ที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลเลือกตั้ง แล้วตีกรอบอำนาจอธิปไตยของประชาชนให้เป็นไปตามที่ต้องการ ดังนั้น การที่เราจะรำลึกเหตุการณ์ดังกล่าว จึงหมายถึงการแสดงการไม่ยอมรับ ต่อต้าน ขับไล่ในปัจจุบัน”
15 ปีที่แล้ว “ณัฐวุฒิ” กระโดดจากเวทีสภาโจ๊กในทีวี เข้าร่วมขบวนการเมืองของจริง กับพรรคไทยรักไทย อยู่ในทีมโฆษกพรรค เป็นหน่วยล่วงหน้าในการหาเสียงเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 ให้ “ทักษิณ ชินวัตร” และพรรคไทยรักไทย อยู่ในทีมโฆษกพรรค เช่นเดียวกับ “จตุพร พรหมพันธุ์” ในวันนั้นเป็นรองโฆษกไทยรักไทย
เขาเล่า แผนประทุษกรรม – ฉากรัฐประหารว่า แผนประทุษกรรมในการรัฐประหาร เป็นการทำซ้ำซากแบบเดียวกัน ทั้ง รัฐประหาร ปี 49 และ 57 เริ่มต้นด้วยการที่มีประชาชนชุมนุมขับไล่รัฐบาล
เวลานั้นประกาศยุบสภา ประชาธิปัตย์แกนนำฝ่ายค้านบอยคอต ไม่ลงสมัครเลือกตั้ง มีกระบวนการขัดขวางการเลือกตั้ง ในที่สุด การเลือกตั้งทั้ง 2 ครั้งนั้นมีคำวินิจฉัยให้เป็นโมฆะ มีข้อเรียกร้องนอกรัฐธรรมนูญ นำไปสู่ทางตันทางการเมือง
ปี 2549 ผู้ชุมนุมเรียกร้อง เรื่องนายกพระราชทาน อ้างธรรมนูญมาตรา 7, ปี 2557 ผู้ชุมนุมเรียกร้องนายกคนกลาง ด้วยการเสนอชื่อของประธานวุฒิสภา ซึ่งไม่สามารถปฏิบัติได้ตามรัฐธรรมนูญที่บังคับใช้อยู่ทั้ง 2 เหตุการณ์ เมื่อจงใจไล่ต้อนประเทศเข้าสู่ทางตัน ก็เป็นการเปิดโอกาส ให้กับ อำนาจนอกระบบ ทำรัฐประหาร
“สังคมไทยตกอยู่ภายใต้ บทละครอัปยศนี้ 15 ปี ไม่มีความแตกต่าง ต่างเพียงตัวละครที่ลงมือปฏิบัติการเท่านั้น พูดถึงที่สุด กล่าวคือรัฐประหาร 2549 เป็นผู้ให้กำเนิดรัฐประหารปี 2557 ซึ่ง รปห.ปี 2557 เป็นการทำซ้ำ ทำหนักกว่าเดิม ทำเพิ่มให้การรัฐประหารปี 2549 กลายเป็นเสียของ อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์และคณะกล่าวอ้าง นี่คือวัตถุประสงค์”
“ดังนั้น การออกมาร่วมขบวน คำตอบในครั้งนี้ ไม่ได้หมายเพียงแค่การแสดงพลังต่อต้านรัฐประหารเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้ประชาชนผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย”
ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตลอด 15 ปี ผู้คนที่บาดเจ็บ สูญเสีย ถูกจับกุมคุมขัง ถูกไล่ล่า ต้องหลบลี้หนีภัยหรือถูกอุ้มหาย ได้รับทราบว่า “ยังมีพลังของฝ่ายประชาธิปไตยที่ยังคงสู้อยู่” และมุ่งมั่นที่จะนำพาประเทศกลับคืนสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แม้จะยากลำบากและเต็มไปด้วยอุปสรรค
ดังนั้น ในเชิงเนื้อหาสาระการชุมนุมคาร์ม็อบ 19 กันยายนนี้ จะเน้นเรื่องนี้ ทั้งก่อนวันงานและในวันจัดกิจกรรมผ่านเวทีออนไลน์ โ
มีการเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ มีบทบาทในการต่อสู้ ช่วง 15 ปีนี้ มาร่วมสนทนาในเวทีออนไลน์หลายท่าน เช่น ส.ศิวรักษ์, ทูตนอกแถว และนักวิชาการ ยังมีคนหนุ่มสาวที่เป็นพลังขับเคลื่อน ส่วนจะเป็นใครบ้างขอให้ติดตามผ่านทางเพจ หรือในทวิตเตอร์ วันที่ 18 กันยายน
เขากางแผนที่ วันนัดหมายเคลื่อนขบวน โดยนัดเวลา ดังนี้
14.00 น. หัวขบวนมุ่งหน้าถนนพระราม 4 ท้ายขบวนต่อเนื่องตามปริมาณรถ ตรงมาทางซอยอโศก ถนนเพชรบุรี อาจยาวไปถึงถนนรัชดาภิเษกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงวันนัดหมาย
เวลา 15.00 น. เคลื่อนขบวน ครั้งนี้มีทั้งขบวนจะมีสัญลักษณ์ร่วมกัน สกรีนข้อความติดแฮชแท็ก #ไล่ประยุทธ์ มีทั้งขบวนรถยนต์ จักรยานยนต์ และขบวนพี่น้อง “แท็กซี่” ผู้รักประชาธิปไตย
เราจะได้รำลึกถึงวีรกรรมความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ ของชายธรรมดาผู้ขับแท็กซี่ที่ ชื่อ “นวมทอง ไพรวัลย์” ซึ่งได้ตัดสินใจ ขับรถแท็กซี่คู่ชีพ พุ่งชน “รถถัง” ของคณะรัฐประหาร เมื่อปี 2549 ถ้าหาก “คาร์ม็อบ” เป็นรูปแบบกิจกรรมที่ตอบโจทย์และข้อจำกัด โควิด-19 ก็ต้องพูดว่า “ลุงนวมทอง ไพรวัลย์” คือจิตวิญญาณผู้เริ่มต้นคาร์ม็อบในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ในสังคมไทย
เราจะมีการแสดงสัญลักษณ์ ‘ขับรถยนต์ชนรถถัง’ในวันดังกล่าวด้วย เพื่อประกาศการต่อต้านเผด็จการและคารวะความวีระอาจหาญของลุงนวมทอง ไปในคราวเดียวกัน
เมื่อเคลื่อนขบวน เราจะตรงจากแยกอโศก มุ่งหน้าถนนพระราม 4 เลี้ยวขวา ที่แยกคลองเตย ขับตรงไป มุ่งหน้าสะพานกรุงเทพ (เมื่อถึงสะพานไทยเบลเยี่ยม เลี้ยวซ้ายเข้าสาทรเหนือ ตรงไป เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นนราธิวาส ถึงแยกรัชดา-นราธิวาสตรงไป วิ่งเข้าถนนพระราม 3 ถึงสะพานกรุงเทพฯ)
วิ่งบนถนนรัชดาภิเษก เข้าเส้นจรัญสนิทวงศ์ จากนั้นเลี้ยววนกลับมาขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้า จุดหมายอยู่ที่ “อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย”
ที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจะมีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ให้ทั้งโลกได้แลเห็นว่า ‘ประชาธิปไตยในประเทศนี้ถูกคลุมถุงดำมาแล้วเป็นเวลา 15 ปี’
ณัฐวุฒิ บอกว่า กิจกรรมจะหยุดเวลา 18.00 น. ไม่มีการออกนอกเส้นทาง พร้อมประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วอย่างชัดเจน ไม่มีกิจกรรมนอกเหนือจาก
“ผมมั่นใจว่าการจัดกิจกรรม คาร์มม็อบ 19 กันยายนนี้ จะได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ทั้งที่เข้าร่วมขบวนและที่อยู่สองข้างทาง และยังมั่นใจด้วยว่า ทุกอย่างจะเริ่มต้นและจบลงตามกรอบเวลา อยู่ในเส้นทางตามรูปแบบและเป้าหมายกิจกรรมไม่มีเหตุเผชิญหน้า หรือความรุนแรงใดๆ หากสังเกตุ การออกจากแยกอโศก ไปสู่เป้าหมายอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมีหลายเส้นทาง เราเลือกเส้นทางนี้เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงพื้นที่เปราะบางทั้งหลาย ไม่ให้มีการเผชิญหน้าใดๆ กับฝ่ายเจ้าหน้าที่”
“หลังจาก 19 กันยายน จะมีการเคลื่อนไหวในรูปแบบคาร์ม็อบ หรือรูปแบบอื่นอีกหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป” นายณัฐวุฒิ กล่าว