“พรรคบิ๊กฉิ่ง” จ่อลงสนามเลือกตั้ง ในกลไกการเมืองของ 3 ป.

พลันที่ “บิ๊กฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่วันนี้กลายเป็นข้าราชการเกษียณในฐานะ “อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย” เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564

แต่ทางการเมือง และนักการเมือง “บิ๊กฉิ่ง” อาจเพิ่งนับหนึ่ง

ข่าวดังไปทั่วยุทธจักรการเมือง ถึงการตั้ง “พรรคบิ๊กฉิ่ง” เป็นพรรคสำรองให้ผู้ทรงอำนาจ 3 ป.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

วางสายลับในคราบนักเลือกตั้ง ไว้ “ดูด” เพื่อนพ้องให้ย้ายมาเข้าสังกัดพรรคใหม่

สถานะทางการเมืองหลังเกษียณของ “บิ๊กฉิ่ง” ถูกคาดการณ์ไว้ 3 ทาง

หนึ่ง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มท.4

สอง เป็นรองนายกรัฐมนตรี

สาม เป็นตั้งพรรคการเมือง

สถานะของ “บิ๊กฉิ่ง” จะลงตัวที่ตำแหน่งไหน

แต่เป็นที่น่าจับตาว่า เส้นทางของปลัดมหาดไทยที่เกษียณอายุ หลังรัฐประหาร 2557 เติบใหญ่ในทางการเมือง ทุกคน

“วิเชียร ชวลิต” อดีตปลัดมหาดไทย แม้ย้ายไปเป็นปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ก็ไปเป็นสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ วันนี้ก็เป็นจักรสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

“กฤษฎา บุญราช” อดีตปลัดมหาดไทย อัพเกรดไปเป็นตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์เกือบจะทันที แม้เป็นด้วยเงื่อนไขพิเศษ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด สภากาชาดไทย คนที่สอง ต่อจากพระนาย สุวรรณรัฐ

ในขณะที่เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้คนในกระทรวงคลองหลอด ยกให้ “บิ๊กฉิ่ง” เป็นปลัดประเทศ เป็นหัวหอกคุมแทบทุกกระทรวงในศูนย์บัญชาการโควิด-19 ที่มีคำสั่งส่งไปถึงภูมิภาค ได้รับความไว้วางใจตั้งแต่ พล.อ.อนุพงษ์ จนถึง พล.อ.ประยุทธ์

ขณะเดียวกัน การทำ “ปืนลั่น” ของ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐ เพื่อนร่วมรุ่น ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ประกาศขน ส.ส. 13 คน ของพรรคพลังประชารัฐ ไปปักหลักพรรคใหม่ ที่มี “บิ๊กฉิ่ง” เป็นหัวขบวน

แม้สะดุดไปบ้าง แต่เมื่อสตาร์ทไปแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อ

แม้ว่าจะถูกดูแคลน – ด้อยค่า จาก “วิรัช รัตนเศรษฐ” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือ “เสี่ยยักษ์” ที่บอกว่าในฐานะที่อยู่ในพรรค ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งจนถึงหลังเลือกตั้ง ถึงวันนี้ เจอ พ.อ.สุชาติ ที่เป็นทางการในพรรคก่อนการเลือกตั้ง 2-3 ปีที่แล้ว หลังจากนั้นไม่ได้เจอ ดังนั้น เวลามีข่าวว่าจะไปนู่นไปนี่ ผมก็เฉย ๆ ไม่มีผลกระทบกับทางพรรค

ส่วนพรรคบิ๊กฉิ่ง ก็เป็นแต่ข่าวโดยตลอด และท่าน (ฉัตรชัย) ก็ปฏิเสธมาโดยตลอด เป็นวัฒนธรรม ถ้ามีการเตรียมการเลือกตั้งใหม่ หรือเตรียมการเลือกตั้งใหม่ ก็มีคนนั้นคนนี้ไปตั้งพรรค เป็นเรื่องปกติ

“ธรรมดา ถือว่าเป็นพรรคการเมือง เหมือนพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งจะมาลงแข่งขันในการเลือกตั้ง ถ้าเผื่อเราทำการบ้านไว้ดี อยู่ในพื้นที่ ดูแลประชาชน พรรคอื่นมาคิดว่าไม่เป็นปัญหา”

“ผมมองดูว่าถ้าเผื่อพรรคการเมือง ในนาทีนี้ ประเทศไทย ไม่มีใครเหมาะเท่า พล.อ.ประวิตร ที่เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าด้านการบริหารจัดการครบทุกสิ่ง ทุกอย่าง ถือว่าท่านสุดยอด และประสานกับนายกฯ กับ พล.อ.อนุพงษ์ เราต้องถือว่า 3 ป.เป็นเสาหลักพรรคพลังประชารัฐอยู่”

“เราไม่ได้ประมาท แต่วันนี้คนที่อยู่ในสนามผู้แทนราษฎร อยู่ใน 500 และบวกเพิ่มไปอีกไม่เกิน 300 อยู่ในวงนี้มีสิทธิที่เข้ามาได้ และคนเหล่านี้ก็มีสังกัด ขึ้นอยู่กับว่าพรรคปลัดฉิ่งจะดูดใครมาได้เท่าไหร่ เพราะการทำพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนที่ทำแล้วประสบความสำเร็จ ไม่มีใครเกินเท่า พล.อ.ประวิตร เห็นชัด ผ่านมาเยอะ” วิรัช กล่าว

วิรัช เชื่อว่า นาทีนี้ใครตั้งพรรค “ด้อยกว่า (พล.อ.ประวิตร) เยอะ”

แต่ก็ไม่อาจประมาทพรรคบิ๊กฉิ่งไปได้ จะกลายเป็นยานแม่ลำใหม่ของ 2 ป. ประยุทธ์ – อนุพงษ์ อยู่ที่ 2 ป. จะแตกหักกับพี่ใหญ่ ป.ประวิตร พี่ใหญ่หรือไม่

แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ได้คุมกำลัง ส.ส.ในมือมากเท่ากับพรรคพลังประชารัฐ หากแต่คุมพรรค ส.ว. 250 คน ที่ยังมีสิทธิโหวตนายกฯ อีก 1 สมัย อีกทั้ง ยังมีกลไกอิสระ อำนาจที่ 3 อยู่ในมือ กับจังหวะที่แกนนำพลังประชารัฐ บางรายมีสิทธิโดนคดี – บ่วงกรรมในอดีต จากองค์กรอิสระที่สามารถ “ตัดแต้ม” การเมืองได้

นอกจากนี้ กลไกมหาดไทย ที่คุมฐานการเมืองผู้ว่าฯ นายอำเภอ ท้องถิ่นทั่วประเทศ อยู่ในมือของ “พล.อ.อนุพงษ์” และปลัดคนใหม่ “บิ๊กเก่ง” หรือ “ปลัดเก่ง” สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ฝีไม้ลายมือทางการเมืองและการบริหารจัดการข้างบน ข้างล่าง ถึงพระสงฆ์องค์เจ้า เลื่องลือทั่วยุทธภพอยู่แล้ว ผ่านงานบริหารท้องถิ่น – ส่วนกลางอย่างช่ำชอง

นักการเมืองค่ายไหน เข้ามาเป็นเก้าอี้รัฐมนตรีมหาดไทย ต้องเรียกใช้บริการ “บิ๊กเก่ง” ไม่มากก็น้อย ถาม “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม คนปัจจุบัน ก็พอตอบคำถามได้ เพราะเขาเคยเป็นสตาร์ฟทีมงาน มท.1 ของ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่มี “เสี่ยโอ๋” เป็นประธานคณะทำงาน

เพื่อนพ้องน้องพี่ วงการการเมืองระดับแถว 1 แถว 2 ตั้งแต่ไทยรักไทย รู้จักปลัดคนนี้ ช่วงที่โลว์โปรไฟล์ย้ายตัวไปเป็นผู้ว่าฯ ชัยนาท ก็มีเพื่อนปั่นจักรยานคือ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีที่แกร่งสุดในปฐพี กระทั่งประสบอุบัติเหตุรถล้มต้องพักรักษาตัวเป็นการใหญ่

ว่ากันว่า บางช่วงเกี่ยงงอนกับ มท.1 พล.อ.อนุพงษ์ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่เป็นปัญหา หากทำงานได้เข้าขา

กลไกการเมืองมหาดไทยยุค “บิ๊กเก่ง” อาจจะมีประสิทธิภาพมากกว่า “บิ๊กฉิ่ง”

ถ้าหาก “พรรคบิ๊กฉิ่ง” คือยานแม่ลำใหม่ แล้วอาศัยบารมี พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยกลไกการเมืองของ พล.อ.อนุพงษ์ มีหน่วยปฏิบัติคือ “บิ๊กเก่ง” พลังประชารัฐไม่อาจมองข้าม